วันนี้ (19 พฤศจิกายน 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะ เดินทางไปที่วัดไผ่เงินโชตินาราม เขตบางคอแหลม กทม. เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีพบศพทารกจำนวนมากที่วัดไผ่เงินฯ และให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้ต้องหา 2 คนที่มีความชัดเจนว่าสามารถที่จะให้เบาะแส นอกจากนั้นก็พบคลินิกทำแท้งเถื่อนที่เขตหนองแขม จะได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ยุติเท่านี้ จะต้องมีการติดตามขยายผลต่อไปเพราะการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ กระทรวงสาธารณสุขต้องทำงานร่วมกับตำรวจต่อไป

นายจุรินทร์กล่าวว่า เท่าที่มาดูวันนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า มีการพบศพทารก ที่คาดว่าน่าจะใช่เพราะมีลักษณะอย่างเดียวกัน เท่าที่ดูมีประมาณ 20 ตู้ ที่ผ่านมายังเปิดไม่หมด ถัดต่อไปนี้ต้องเปิดให้หมด นอกจาก 348 ศพที่ว่าแล้ว ต้องมีการชันสูตรต่อไปว่ามีกี่ศพกันแน่ และนำมาเก็บไว้นานแค่ไหน เป็นตัวชี้วัดว่าได้มีการทำลักษณะนี้มานานแค่ไหน สันนิษฐานเบื้องต้นว่าก็คงทำหลายปีต่อเนื่อง ถุงที่พบคาดว่าเป็นถุงทารกเช่นกัน ซึ่งต้องรอผลชันสูตรอีกครั้งจากสถาบันนิติเวช จุฬาฯ
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในเรื่องการทำแท้ง มีผลงานวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำการสำรวจในบางพื้นที่แล้วอนุมานเป็นข้อมูลทั้งประเทศ พบว่า คนไทยตั้งท้องประมาณปีละ 1 ล้านคน แท้งเองประมาณร้อยละ 6 มีการทำแท้งประมาณร้อยละ 8 เด็กคลอดแล้วเสียชีวิตโดยปกติประมาณร้อยละ 1 และคลอดมีชีวิตรอดร้อยละ 85 ส่วนแนวโน้มการทำแท้งจะเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ยังไม่มีการสำรวจตัวเลขที่เป็นทางการออกมา โดยการทำแท้งถูกกฎหมายน่าจะมีตัวเลขได้ แต่ปัญหาใหญ่คือการทำแท้งผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายอาญาอนุญาตให้ทำแท้งได้ใน 2 กรณี คือกรณีทารกอยู่ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม่และกรณีแม่ถูกข่มขืน ถ้าเป็นลักษณะนี้กฎหมายเปิดโอกาสให้ทำแท้งได้ ต้องทำโดยแพทย์ ลงมติโดยคณะแพทย์ เป็นกฎกติกาที่แพทยสภากำหนดไว้ชัดเจน นอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องผิดกฏหมายซึ่งยังไม่มีตัวเลข
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังให้เข้มแข็งเข้มข้นขึ้นทั่วประเทศ ไม่เฉพาะพื้นที่ กทม. รวมทั้งต้องเฝ้าระวังสถานบริการที่ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง 4 ประเภท คือ คลินิกเสริมความงาม คลินิกศัลยกรรม คลินิกบำบัดยาเสพติด และคลินิกที่รับปรึกษาการวางแผนครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความเป็นไปได้ว่าการทำแท้งเถื่อนอาจทำในกลุ่มเสี่ยงนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าทุกแห่งทำผิดกฎหมาย แต่คาดว่าและเชื่อว่าทำในคลินิกกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ รวมทั้งอาจเป็นไปได้สำหรับสถานพยาบาลที่จดทะเบียนถูกกฎหมาย ต้องมีการติดตามเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อไป
กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการสะท้อนปัญหาสังคม เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนในการที่จะช่วยกันแก้ปัญหา ทั้งในการให้ความรู้ความเข้าใจทั้งเพศศึกษาตั้งแต่เป็นเยาวชน ไม่ใช่เฉพาะความรู้เรื่องเพศเท่านั้น ต้องให้ความรู้ด้วยว่าความรักไม่ได้จบด้วยการมีเพศสัมพันธ์ ขณะเดียวกันการปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนรักต้องทำอย่างไรที่จะไม่ให้เสียความสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่ต้องสอนจะช่วยแก้ปัญหาการตั้งท้องก่อนวัยอันควรที่นำไปสู่การทำแท้งเถื่อนลงได้มาก รวมทั้งการให้ความรู้กับสังคมทั่วไป ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอพระราชบัญญัติการอนามัยเจริญพันธุ์ เป็นกฎหมายที่จะเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพของผู้หญิงเป็นการเฉพาะ โดยกฎหมายนี้จะช่วยให้วงการแพทย์เข้ามาช่วยดูแลแม่ที่ตั้งครรภ์ให้สุขภาพดีลดการแท้งลง เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วย 
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการทำแท้งเถื่อน สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ ตู้ ปณ 9 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.นนทบุรี 11004 และทางสายด่วน 1593 แต่ถ้ามีปัญหาหาทางออกไม่ได้ สามารถโทรปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 นายจุรินทร์ กล่าว
           *************************************** 19 พฤศจิกายน 2553


   
   


View 11    19/11/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ