เร่งค้นหาผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง ปรับแก้พฤติกรรมการบริโภค การดำรงชีวิต

                  

     วันนี้ (2 ธันวาคม 2553) ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการมหกรรมการจัดการความรู้ ในโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นักวิชาการจากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานีอนามัย ศูนย์วิชาการเขต ผู้แทนจากโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และกระทรวงกลาโหม รวมผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 1,500 คน

                    

                    

                    

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยพบประชาชนที่ป่วยด้วยโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมองที่จะนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาต โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา 5 โรคดังกล่าวปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือการป้องกัน ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

          นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ด้วยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551 – 2552 พบผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณ 3.5 ล้านคน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 10.8 ล้านคน หากยังไม่ได้รับการป้องกันหรือแก้ไข คาดว่าภายใน 10 ปีข้างหน้าหรือ ในพ.ศ.2563 จะพบผู้ป่วยทั้ง 2 โรคเป็น 30 ล้านคนหรือเกือบร้อยละ 50 ของประชากรของประเทศไทย 

การจัดโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554   เป็นโครงการที่คัดกรองผู้ป่วย รวมถึงดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด คือการป้องกันโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการดำรงชีวิต โดยให้ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก ผลไม้และออกกำลังกายให้มากขึ้น และงดเหล้า บุหรี่

                                                      

นายจุรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า แนวทางการป้องกันตามโครงการนี้ จะดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ   โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ตลอดจนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) ตลอดจนผู้นำชุมชน ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วย ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค จะมีการปรับแก้พฤติกรรมไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วย   ในกลุ่มผู้ที่ป่วยแล้ว จะรักษาให้ถูกแนวทางควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม   นอกจากนั้นจะดำเนินการให้มีการจัดตั้งชุมชนหมู่บ้านต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จในการป้องกันและดูแลผู้ป่วยทั้ง 2 โรคด้วย

   ...........................       2 ธันวาคม 2553



   
   


View 9    02/12/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ