กระทรวงสาธารณสุข มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทย นำยาสมุนไพรใหม่ เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มอีก 61 รายการ ครอบคลุมการรักษาทั้งอาการไข้ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคทางนรีเวช โรคทางเดินหายใจ อาการปวดเมื่อย ถอนพิษเบื่อเมา เลิกสูบบุหรี่  คาดมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม  2554 นี้

ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลัง เป็นประธานเปิดงานมหกรรม “ขอนแก่นสุขภาพดี บนวิถีไทย” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 และมอบใบประกาศเกียรติคุณ แก่บุคคล และสถานบริการที่มีผลงานดีเด่นด้านการแพทย์แผนไทย ที่โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น เมื่อเช้าวันนี้(24 ธันวาคม 2553)ว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมและพัฒนาภูมิปัญญาไทย โดยส่งเสริมให้มีการใช้ยาจากสมุนไพรในสถานบริการสาธารณสุขในการรักษากลุ่มโรคต่างๆ ซึ่งร้อยละ 70 ที่สามารถใช้ยาสมุนไพรหรือการแพทย์แผนไทยรักษาได้ โดยตั้งแต่ปี 2542-2549 ได้จัดทำบัญชียาจากสมุนไพรเข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้แพทย์สั่งใช้รักษาโรคแล้ว 19 รายการ
          ดร.พรรณสิริกล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เร่งพัฒนายาไทยและสมุนไพรที่มีผลการศึกษาวิจัยยืนยันสรรพคุณทางวิชาการ เพื่อบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติให้มากขึ้น ล่าสุดนี้คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติได้พิจารณาคัดเลือกยาสมุนไพรและยาแผนไทย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มอีก 61 รายการ โดยจะเสนอให้พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ลงนาม คาดว่าจะสามารถใช้ในเดือนมกราคม 2554 มอบเป็นของขวัญปีใหม่ประชาชนไทย ให้ได้ใช้บำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยได้กว้างขวางยิ่งขึ้น  
          สำหรับรายการยาสมุนไพร ที่จะประกาศในบัญชียาหลักแห่งชาติในปี 2554 จำนวน 61 รายการ ประกอบด้วย ยาสมุนไพรที่เป็นยาแผนไทย หรือยาแผนโบราณจำนวน 23 รายการ เช่น ยาหอมอินทจักร์ ยาหอมทิพโอสถ.ใช้แก้ลม วิงเวียนยาประสะกระเพรา ยาวิสัมพยาใหญ่ ยามันทธาตุบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ยาตรีหอมแก้เด็กท้องผูก ระบายพิษไข้ยาธรณีสันฑะฆาตแก้ท้องผูก ยาไฟประลัยกัลป์ขับน้ำคาวปลา        
          ยาที่เป็นเภสัชตำรับโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลปรุงใช้เป็นตำรับยาแผนไทยหรือยาแผนโบราณ จำนวน 23 รายการ เช่นยาหอมแก้ลมวิงเวียน ยาธาตุอบเชย ขับลม บรรเทาท้องอืด ยาผสมเพชรสังฆาต บรรเทาริดสีดวงทวารหนัก และยาจากสมุนไพรเดี่ยว 15 รายการ เช่น ยากล้วย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ยามะขามแขกบรรเทาอาการท้องผูก ยาเพชรสังฆาตบรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก ยาทิงเจอร์ทองพันชั่ง ทิงเจอร์พลู ยาเปลือกมังคุดใช้รักษาโรคทางผิวหนัง ยาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อเช่นเถาวัลย์เปรียง น้ำมันไพล ยาขับปัสสาวะ เช่นยาหญ้าหนวดแมว ยามะระขี้นก แก้ไข้แก้ร้อนใน ยารางจืดถอนพิษเบื่อเมา หญ้าปักกิ่งแก้ร้อนใน ยาหญ้าดอกขาวใช้เพื่อลดความอยากบุหรี่ เป็นต้น 
ในปี 2554 นี้ ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการใช้ยาแผนไทยและสมุนไพรในสถานบริการระดับต่างๆให้มากขึ้น โดยในโรงพยาบาลศูนย์ ให้ได้ร้อยละ 2 โรงพยาบาลทั่วไปร้อยละ 5 ส่วนโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้ได้ร้อยละ 10 ของมูลค่าการใช้ยาทั้งหมดของสถานพยาบาล และตั้งเป้าหมายจะให้ประชาชนใช้บริการการแพทย์แผนไทยเพื่อบำบัดอาการต่างๆเพิ่มจากร้อยละ 5 ในปี 2553 ให้ได้ร้อยละ 10 ด้วย
****************************************   24 ธันวาคม 2553

 



   
   


View 14    24/12/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ