สาธารณสุข เปิดอบรมนวดกดจุดให้บุคลากรทางการแพทย์ทั้งรัฐเอกชนในปี 2554นี้ จำนวน 90 คน เพื่อขยายบริการผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่นปวดไมเกรน ปวดคอ ปวดไหล่ ไม่ต้องใช้ยา เผยหลังติดตามผลการนวดกดจุดทางคลินิกในปี 2552 ในกลุ่มผู้ป่วย 1,086 คน พบว่าร้อยละ 91 อาการดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยไมเกรน อาการดีขึ้นร้อยละ 97
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในปี 2554 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มบริการประชาชนด้วยการแพทย์ทางเลือกให้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยจะขยายการให้บริการนวดกดจุด( Acupressure) ซึ่งเป็นองค์ความรู้การแพทย์แผนจีน มีหลักการเช่นเดียวกับการฝังเข็มที่มีมานานกว่า 4,000 ปี เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังเช่น ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดแขน ปวดเข่า ปวดหลัง เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องใช้ยา แต่มีประสิทธิภาพสูง จะทำให้สามารถลดการใช้ยาในกลุ่มแก้ปวดลงได้ โดยได้มอบหมายให้สำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดหลักสูตรอบรมให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งรัฐและเอกชนที่สนใจ โควต้าปีนี้จำนวน 90 คน อบรมทั้งหมด 3 รุ่น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ใช้เวลาอบรมเพียง 5 วันต่อรุ่น
ทางด้านนายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯกล่าวว่า ตั้งแต่พ.ศ.2545-2553 สำนักการแพทย์ทางเลือกได้จัดอบรมการนวดกดจุดแก่บุคลากรทางการแพทย์อาทิ แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด เภสัชกร แพทย์แผนไทย นักวิชาการสาธารณสุขมาแล้ว 6 รุ่น รวม 239 คน ใช้เวลาเรียน 40 ชั่วโมง ประกอบด้วยภาคทฤษฎี 15 ชั่วโมงและฝึกปฏิบัติ 25 ชั่วโมง และได้ติดตามหลังอบรม พบว่าผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ไปให้บริการประชาชนในสถานพยาบาลต่างๆได้อย่างดี
นายแพทย์เทวัญกล่าวต่อว่า ผลการศึกษาทางคลินิกของบริการการนวดกดจุดในโรงพยาบาล 13 แห่งใน 7 กลุ่มอาการได้แก่ กลุ่มปวดศีรษะไมเกรน กลุ่มปวดคอ ปวดบ่า กลุ่มปวดแขน ปวดไหล่ กลุ่มอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก กลุ่มปวดหลัง กลุ่มปวดเข่า ปวดตึงเส้นขา และกลุ่มเส้นท้องตึง ระหว่างเดือนมกราคม- กรกฎาคม 2552 มีประชาชนใช้บริการรวม 1,086 คน โดยได้รับการนวดบำบัดรวม 1,982 ครั้ง เฉลี่ยคนละ 1.78 ครั้ง ปรากฏว่า อาการดีขึ้น 983 คน คิดเป็นร้อยละ 91 กลุ่มอาการที่เห็นผลดีขึ้นมากที่สุดได้แก่ อาการปวดศีรษะไมเกรน ดีขึ้นร้อยละ 97 โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการนวดทั้งหมด 130 ราย อาการดีขึ้น 126 ราย รองลงมาคือคือผู้ป่วยอาการปวดคอ ปวดบ่า รับบริการจำนวน 254 ราย อาการดีขึ้น 235 ราย คิดเป็นร้อยละ 93 ผู้ที่มีอาการปวดไหล่จำนวน 224 ราย หลังนวดอาการดีขึ้น 192 ราย คิดเป็นร้อยละ 86 ผู้ที่มีอาการปวดหลังจำนวน 262 ราย หลังนวดมีอาการดีขึ้น 240 ราย คิดเป็นร้อยละ 92
นายแพทย์เทวัญกล่าวต่ออีกว่า การนวดกดจุดเป็นการบำบัดรักษาที่เกี่ยวข้องกับจุดต่างๆในร่างกาย เป็นวิธีการที่ใช้ง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก สามารถทำได้ทุกวัน โดยใช้นิ้วหัวแม่มือของผู้บำบัดกดลงไปตรงจุดสำคัญที่เป็นจุดเดียวกับจุดฝังเข็ม วงการแพทย์ตะวันตกเริ่มให้การยอมรับว่าเป็นการเยียวยารักษาร่างกายที่มีความสำคัญแขนงหนึ่ง และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ซึ่งวิธีการนี้สามารถนำไปใช้บริการผสมผสานแก่ประชาชนอย่างปลอดภัย สามารถลดการใช้ยาแก้ปวด ซึ่งมูลค่าการใช้ยากลุ่มนี้สูงปีละหลายพันล้านบาทได้
*********************************************** 3 มกราคม 2554
View 17
03/01/2554
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ