รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ตรวจสุขภาพน้องบินลาเดน วัย 9ปีที่กินเฉพาะบะหมี่ ผลปรากฏไม่ขาดสารอาหาร เตรียมประเมินไอคิว เบื้องต้นสันนิษฐานเหตุติดบะหมี่น่าจะเกิดจากความเคยชิน แนะไม่ควรให้เด็กกินบะหมี่อย่างเดียวทุกวัน ควรเสริมเนื้อสัตว์ ไข่ ผักใบเขียว เพิ่มคุณค่าอาหาร
จากกรณีเด็กชายธนพล หลีคง หรือน้องบินลาเดน อายุ 9 ขวบ อาศัยอยู่กับยาย ที่บ้านเลขที่ 245/2 ม.4 ตำบลสะกอมอ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลักแทนข้าว ปัจจุบันน้ำหนักตัวและส่วนสูงต่ำกว่าปกติมาก มีอาการคล้ายสมองช้า เรียนไม่ทันเพื่อน ยังเขียนหนังสือไม่ได้ ผู้ปกครองให้ประวัติว่าเด็กชายบินลาเดนเป็นบุตรคนเดียวของลูกสาวกับลูกเขยซึ่งทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว แรกเกิดกินนมตามปกติ เปลี่ยนจากนมเป็นข้าวต้มก็ยังกินได้ จนกระทั่งเริ่มคลานจึงเริ่มป้อนข้าวสวย แต่เด็กชายบินลาเดนจะคายออก จึงให้กินข้าวต้มมาตลอดจนโต เมื่อได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็ชอบและไปซื้อมากินเป็นประจำซึ่งยายต้องการให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยเหลือหลายชายรายนี้
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ในวันนี้(25 มกราคม 2554) ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือเด็กชายบินลาเดน เป็นการด่วน โดยในวันนี้ได้ส่งทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจะนะ ไปตรวจสุขภาพเด็กชายบินลาเดนที่โรงเรียนปากบาง ผลปรากฏว่าเด็กน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหาขาดสารอาหาร เด็กร่าเริงดี อย่างไรก็ตามทีมแพทย์จะประเมินระดับเชาว์ปัญญาหรือไอคิวในภายหลัง รวมทั้งค้นหาสาเหตุของพฤติกรรมติดบะหมี่สำเร็จรูปเพื่อวางแผนให้การรักษาต่อไปสำหรับสาเหตุการติดบะหมี่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความเคยชินแนะนำผู้ปกครองให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
ดร.พรรณสิริกล่าวว่า ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลาเด็กปรับตัว โดยพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งเพื่อนๆต้องเป็นแรงหนุนสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่ออาหารใหม่ๆหลีกเลี่ยงการบังคับหรือดุว่าควรเริ่มให้เด็กลองกินอาหารเมนูใหม่ๆ ทีละน้อย และให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกเมนูอาหารที่อยากกินด้วยตัวเองโดยผู้ปกครองเป็นผู้ชี้แนะอย่างใกล้ชิดและควรช่วยจัดสิ่งแวดล้อม บรรยากาศให้เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเด็กด้วย
ด้านแพทย์หญิงแสงโสม ลีนะวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า ตามข้อมูลโภชนาการ บะหมี่จัดเป็นอาหารกลุ่มเดียวกับข้าว แป้ง ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่ร้อยละ 60 -70เป็นแป้งสาลีรองลงมาคือไขมันที่อยู่ในซองเครื่องปรุงรสร้อยละ 15 -20ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกายเป็นหลักสิ่งที่สำคัญคือผงปรุงรสในบะหมี่ จะมีส่วนประกอบของเกลือ ผงชูรส และพริกอยู่ร้อยละ 5 - 6 จะทำให้เด็กติดในรสชาติอาหาร อยากกินอยู่เรื่อยๆการกินบะหมี่อย่างเดียวเป็นประจำทุกวันโดยไม่กินอาหารอื่นด้วย จะส่งผลกระทบต่อร่างกายเด็ก ประการแรกคือการขาดสารอาหาร เป็นหวัดง่าย ป่วยง่ายและในระยะยาว จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย เติบโตไม่เต็มศักยภาพที่สำคัญคือส่งผลต่อการพัฒนาสมองและความฉลาดทางปัญญา
อย่างไรก็ตามการกินบะหมี่ไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้าม แต่ไม่ควรกินเป็นประจำทุกวัน ควรจะกินอาหารอื่นสลับด้วยเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ ถ้าจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ควรเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายด้วย เช่น เติมไข่ 1 ฟองหรือเนื้อสัตว์ 1-2ช้อนกินข้าว ลูกชิ้น เติมผักเช่น ตำลึง ผักหวานผักบุ้ง แครอท หรือผักพื้นบ้านที่หาได้ในท้องถิ่นเติมน้ำเพียงครึ่งถ้วย และเติมเครื่องปรุงรสเพียงครึ่งซองหรือน้อยที่สุดเนื่องจากมีรสเค็มมาก หากกินประจำจะเกินความต้องการของร่างกาย ในอนาคตอาจจะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ง่าย ควรกินผลไม้หลังมื้ออาหาร และเป็นอาหารระหว่างมื้อเพิ่มเติมด้วยแพทย์หญิงแสงโสมกล่าว
.................... 25 มกราคม 2554