จากกรณีที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้มีหนังสือแจ้งเวียนการห้ามระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลข้าราชการเบิกจ่ายยาในกลุ่มบรรเทาอาการข้อเสื่อม ได้แก่ กลูโคซามีน,คอนครอยตินซัลเฟตและ ไดอะเซอเรน ทุกรูปแบบและกลุ่มยาฉีดเข้าข้อบรรเทาอาการข้อเสื่อม ที่มีผลตั้งแต่ 1มกราคม 2554 

วันนี้ (4 มกราคม 2554) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้ระบบสวัสดิการข้าราชการได้รับผลกระทบบางส่วนจากเกณฑ์การเบิกจ่ายยาใหม่ของกรมบัญชีกลาง ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยาในระบบสวัสดิการข้าราชการ ที่สูงถึง 6.2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่แนวทางการดำเนินงานของกรมบัญชีกลางขณะนี้ได้มีผลกระทบกับการรักษาพยาบาลในแง่ของยาบางตัว ที่กรมบัญชีกลางประกาศห้ามใช้ หรือว่าให้ใช้ยาอื่นทดแทน เช่น ยาข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุ

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ระดมความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อศึกษาประกาศของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังมีรายการยาชนิดไหน ที่ถ้าสั่งห้ามใช้ก็ไม่ส่งผลกระทบกับผู้ป่วย เพราะมียาอื่นทดแทนที่มีคุณภาพทัดเทียมกัน แต่ตัวไหนที่สั่งห้ามแล้ว จะกระทบกับผู้ป่วย ก็จะได้ขอให้กระทรวงการคลังทบทวนต่อไป คาดว่าวันจันทร์ที่ 7กุมภาพันธ์ 2554 จะได้คำตอบทั้งหมดในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเพื่อส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ขอให้ใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติใน 8กลุ่มโรค ได้แก่ ยาลดไขมันในเลือด ยาลดแผลและเลือดออกในกระเพาะอาหาร ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาเบื้องต้นในการรักษาความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเลือดคั่ง ยาลดความดันโลหิตสูง ยาป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือด               ยามะเร็ง และยาป้องกันโรคกระดุกพรุน

กุมภาพันธ์/6 .............................. 4กุมภาพันธ์ 2554


   
   


View 13    04/02/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ