เพื่อลดการเจ็บป่วยคนไทยจาก 5 โรคเรื้อรังใน 10 ปี   หวังลดค่าใช้จ่ายค่ารักษาปีละกว่า 1 แสนล้านบาท

          วันนี้ (8 มีนาคม 2554) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย 2554 2563 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอ ซึ่งหลักการสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว คือ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการลดการเจ็บป่วยของประชาชนและลดค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาล จาก 5 โรค ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคมะเร็ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล 5 โรค ในแต่ละปีมีมูลค่ารวมกันกว่าแสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คนไทยป่วยจาก 5 โรคดังกล่าวเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคและการดำรงชีวิต โดยคนไทยบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม มากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ จะมีการณรงค์ให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการดำรงชีวิต เริ่มต้นด้วยการลดอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก ผลไม้ และเพิ่มการออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละไม่น้อยกว่า 30 นาที และลดอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี่ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นบ่อเกิดของ 5 โรคนี้เช่นกัน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เดินหน้านโยบายสุขภาพดีวิถีชีวิตไทยไปก่อนแล้ว ภายใต้นโยบายลดหวาน มัน เค็ม ลดอ้วน และลดโรค
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเดียวไม่สามารถดำเนินงานได้ครบถ้วน จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงานฯ เป็นต้น จะต้องเข้ามามีบทบาทร่วมกัน โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือคณะกรรมการอำนวยการยุทธศาสตร์ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีเลขานุการร่วม 3 ฝ่าย คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนคณะกรรมการชุดที่ 2 คือ คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน มีรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเลขานุการร่วม  ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการภายใน 10 ปี
เชื่อว่าหากได้เดินหน้าตามแผนงานทั้งหมด จะมีส่วนช่วยลดการเจ็บป่วยคนไทยจาก 5 โรค และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และยังช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เป็นภาระกับประเทศมากจนเกินสมควร
นายจุรินทร์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการพิจารณาค่าเหมาจ่ายรายหัวโครงการรักษาฟรี 48 ล้านคน ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในวันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยภาพรวมในปี 2554 ได้งบประมาณ 130,242 ล้านบาท คิดเป็น 2,546 บาทต่อหัว ในปี 2555 ได้เสนอของบเพิ่มเป็น 3,249 บาทต่อหัว เพิ่มขึ้นหัวละ 703 บาท รวมงบประมาณที่ขอทั้งหมด167,973 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20  ขณะที่สำนักงบประมาณเห็นว่าควรจะปรับลดลง ที่ประชุมได้มอบให้คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปหาข้อสรุปร่วมกับสำนักงบประมาณมานำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันจันทร์หน้า (14 มีนาคม 2554)

 

  *******************************     8 มีนาคม 2554



   
   


View 7       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ