กระทรวงสาธารณสุข ตั้งศูนย์พัฒนาสุขภาพเด็กเล็ก ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ คนพิการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 9,750 แห่งทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯและองค์กรท้องถิ่น เพื่อพัฒนาไอคิว อีคิวเด็กไทย ดูแลเรื่องฟันเทียมพระราชทาน สร้างรอยยิ้มให้ผู้สูงอายุ รวมทั้งดูแลสายตา  ป้องกันตาบอดจากโรคตาต้อกระจก

วันนี้ ( 1 กันยายน 2554 ) ที่โรงแรมนภาลัย อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้อำนวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 613 แห่ง ที่อยู่ในพื้นที่เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต10 ประกอบด้วยจังหวัดอุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย และบึงกาฬ เพื่อเพิ่มความรู้ด้านการบริหารจัดการ สามารถจัดบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
 
นายต่อพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาคุณภาพการให้บริการสุขภาพทั้งระบบ โดยบูรณาการเชื่อมโยงสถานบริการทุกระดับ สนับสนุนให้โรงพยาบาลทุกระดับมีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาสถานบริการเบื้องต้นหรือหน่วยปฐมภูมิคือศูนย์สาธารณสุขชุมชนในเขตเมืองที่สมบูรณ์แบบ ทำหน้าที่ตรวจรักษาผู้ป่วยนอก เพื่อลดความแออัดโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปรวม 95 แห่ง ในเบื้องต้นจะพัฒนาจังหวัดละ 2-3 ศูนย์ ใช้งบลงทุน 215 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนทุกพื้นที่ ได้เข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
 
นายต่อพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งมีจำนวน 9,750 แห่ง ทั่วประเทศ จะเน้นการจัดบริการเชิงรุก โดยเฉพาะเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพประชาชน  โดยมีนโยบายจัดตั้งศูนย์พัฒนาสุขภาพเด็ก และศูนย์ส่งเสริมฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการใน รพ.สต.ทุกแห่ง  ในการพัฒนาสุขภาพเด็กนั้น จะส่งเสริมเรื่องการบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนและให้ยาเม็ดเสริมไอโอดีนให้แก่หญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดสารไอโอดีนในเด็ก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคปัญญาอ่อนหรือโรคเอ๋อ  และจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาไอคิว อีคิวและกระตุ้นพัฒนาการเด็กวัย 0-2 ปีอย่างสมวัย ทั้งเรื่องการส่งเสริมให้กินนมแม่ โภชนาการ การกอด การเล่น การเล่านิทาน โดยประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ซึ่งดูแลศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศอยู่แล้ว 
 
สำหรับศูนย์ส่งเสริมฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการนั้น จะประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ โดยเน้นการสนับสนุนฟันเทียมพระราชทานให้ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันเคี้ยวอาหารให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อสร้างรอยยิ้มผู้สูงอายุ และดูแลเรื่องสายตา ป้องกันปัญหาตาบอดจากโรคตาต้อกระจก หรือสนับสนุนแว่นตาให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสายตา รวมทั้งการส่งเสริมดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทยด้วย นายต่อพงษ์ กล่าว
 
ทางด้านนายแพทย์นิทัศน์ รายยวา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 10  กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ เป็นการพัฒนาบุคลากรร่วมระหว่าง รพ.สต.กับโรงพยาบาลชุมชน เพื่อประสานบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มเติมความรู้ในการบริหารจัดการระบบบริการเชิงรุก เช่น ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเร่งรัดการเข้าถึงบริการของประชาชนอย่างรวดเร็ว การเพิ่มทักษะในด้านการประสานงาน การสร้างเครือข่ายกับภาครัฐในท้องถิ่นอาทิ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน เพิ่มทักษะการจัดการงบประมาณเพื่อกระตุ้นงานเชิงรุก การทำงานเป็นทีม การสร้างเครือข่ายสาธารณสุข ภาวการณ์เป็นผู้นำในการพัฒนา รพ.สต. ซึ่งจะทำให้เกิดการทำงานที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
                                            ************************* 1 กันยายน 2554


   
   


View 12    01/09/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ