รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนคุ้มครองสมุนไพรของกระทรวงสาธารณสุข ในพื้นที่อนุรักษ์ 7 แห่ง ที่จ.พิษณุโลก กาญจนบุรี สตูล สระแก้ว กำแพงเพชร นครพนม และอุดรธานี ป้องกันสมุนไพรไทยถูกฉกฉวย เตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อเป็นกฎหมายบังคับในทางปฏิบัติต่อไป นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์กาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี, พื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร, พื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม,พื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก, พื้นที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล, พื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว, และพื้นที่อุทยานแห่งชาตินายูง – น้ำโสม จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น โดยจะส่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ใช้บังคับในทางปฏิบัติต่อไป คาดว่าไม่เกินเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 นายวิทยากล่าวว่า แผนคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่อนุรักษ์ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันสมุนไพรไทยที่มักอยู่ในป่าธรรมชาติถูกฉกฉวย หรือสูญพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลให้มีผลต่อนโยบายการส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยทั้งในรูปของยาสมุนไพร ใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ประการสำคัญยังสามารถพัฒนายาใหม่จากสมุนไพรโดยเฉพาะยารักษาโรคเรื้อรังเช่นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางต่างๆ ส่งออกสร้างรายไดเข้าประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย ทางด้านนายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตั้งแต่พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศพื้นที่เขตอนุรักษ์สมุนไพรไปแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ 1. พื้นที่เขตอนุรักษ์ภูผากูดจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งถือเป็นพื้นที่นำร่องในการจัดทำแผนแห่งแรก 2. พื้นที่ป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ 3.พื้นที่เขตรักษาพันสัตว์ป่าซับลังกา จังหวัดลพบุรี 4.พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติภูจอง – นายอย จังหวัดอุบลราชธานี และ 5.พื้นที่ป่าเขาสลัดได อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา จากผลการดำเนินการที่ผ่านมาเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนในท้องถิ่น ทำให้เกิดระบบกลไกในการจัดการฐานข้อมูลสมุนไพรในพื้นที่จนเกิดการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์จากสมุนไพรได้อย่างเหมาะสม โดยรวมแล้วกระทรวงสาธารณสุขมีพื้นที่เขตอนุรักษ์สมุนไพรทั้งหมด 12 แห่ง นายแพทย์สุพรรณกล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากที่ออกประกาศพื้นที่เขตอนุรักษ์สมุนไพรแล้ว กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีแผนการดำเนินงานดังนี้ 1.สร้างเสริมความรู้ ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเงื่อนไขในการอนุญาตให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่เขตอนุรักษ์อย่างถูกต้อง 2.กำหนดวิธีการจัดการเฉพาะในพื้นที่ โดยประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและชุมชนเพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์คุ้มครองสมุนไพรและถิ่นกำเนิด 3.สำรวจและศึกษาสมุนไพรแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีระบบฐานข้อมูล และนำไปสู่การจัดการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม 4.กำกับติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามแผนและกฎหมาย รวมทั้งรวบรวมรายชื่อสมุนไพรที่สำรวจพบในแต่ละพื้นที่ และจำแนกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่สมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย สมุนไพรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สมุนไพรที่อาจสูญพันธุ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ในพื้นที่เขตอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจัดว่าเป็นแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติของกวาวเครือขาวมากกว่า 200 ปี หากมีการนำสายพันธุ์ไปปลูกหรือศึกษาวิจัย มาตรการคุ้มครองจะต้อง มีการปลูกทดแทน เพราะที่ผ่านมาป่าสมุนไพรจะถูกคุกคามโดยผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์แม้ว่าทาง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะมีมาตรการที่เข้มงวดแล้วก็ตาม จึงเป็นประเด็นที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯจะต้องเร่งอนุรักษ์ คุ้มครอง และส่งเสริมต่อไป *********************** 20 พฤศจิกายน 2554


   
   


View 9    20/11/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ