ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนประชาชนที่ป่วยเป็นไข้หวัด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง หากป่วย 3 วันแล้วไข้ยังไม่ลง ไอมาก หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสี ขอให้รีบพบแพทย์ เพราะอาจเกิดโรคแทรกซ้อน ที่สำคัญคือโรคปอดบวม ผลการเฝ้าระวังในพื้นที่น้ำท่วม 30 จังหวัด พบผู้ป่วย 484 ราย นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ อากาศเริ่มหนาวเย็น ประชาชนอาจป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะไข้หวัด ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และเชื้อชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่อากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง มีความชื้นในอากาศสูง บางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงทำให้ต้องลุยน้ำ ตัวเปียกชื้น จึงมีโอกาสป่วยจากโรคนี้สูงกว่าพื้นที่ปกติ และในพื้นที่ที่น้ำท่วมขังนานพบประชาชนมีแนวโน้มป่วยเป็นไข้หวัดมากขึ้น ซึ่งผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในพื้นที่น้ำท่วมที่ผ่านมา พบประชาชนป่วยเป็นไข้หวัดมากประมาณร้อยละ 30 ของผู้มารับบริการ นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่ไม่อันตราย ติดต่อกันจาการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเชื้อจะแพร่กระจายมาจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยโดยตรง หรือติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เริ่มแรกมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำๆ คัดจมูก ไอจาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เมื่อป่วยเป็นโรคนี้ อาการมักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยหลังจากวันที่ 3 อาการควรจะเริ่มดีขึ้น ไข้ลดลง อาจไอต่อไปได้อีก 1-2 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ดีขึ้นและมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือมีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเร็ว น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีเหลืองอ่อนๆเป็นสีเขียว ขอให้สงสัยว่าอาจมีโรคแทรกซ้อนที่ปอด ที่สำคัญและเป็นอันตรายต่อชีวิตคือโรคปอดบวม ต้องรีบไปพบแพทย์ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรือที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านทันที ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวมได้แก่ มีไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังฮื๊ดหรือเสียงหวีด หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆจะน้อยลง ทางด้านนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว่วา กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังโรคปอดบวมในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม 30 จังหวัด ในช่วงวันที่ 2-15 พฤศจิกายน 2554 พบผู้ป่วยโรคปอดบวมทั้งหมด 484 ราย จากการสอบสวนสาเหตุพบว่าส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อหลังจากป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือเป็นโรคอื่นมาก่อน ในการป้องกันการป่วยเป็นไขัหวัด ขอให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ซึ่งในผักและผลไม้จะมีวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ และใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น สวมใส่เสื้อผ้ารักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดแล้ว ให้พักผ่อนให้มากๆ หยุดทำงานหนัก ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอ หากมีไข้ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดตัว เพื่อลดไข้ ดื่มน้ำอุ่นมากๆ เพื่อช่วยในการขับเสมหะได้ดีขึ้น ที่สำคัญไม่ควรรับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเอง เพราะส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส นอกจากจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์แล้ว อาจทำให้เชื้อดื้อยา และรักษาได้ยากในอนาคต ************************* 26 พฤศจิกายน 2554


   
   


View 10    26/11/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ