วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2555) ที่ โรงพยาบาลตราด นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต เป็นประธานในพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอุบัติเหตุ หออภิบาลผู้ป่วยหนักและผ่าตัด รพ.ตราด จ.ตราด

นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดตราด มีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา มีผู้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลตราดเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ในปี 2554 มีผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 800 คน และผู้ป่วยในเฉลี่ยปีละ 22,000 คน ในปีงบประมาณ 2555 นี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดงบประมาณจำนวน 143 ล้านบาทเศษ ก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-หออภิบาลผู้ป่วยหนักและห้องผ่าตัด ขนาด 4 ชั้น ประกอบด้วยชั้นที่ 1 งานอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวชวิทยา ชั้น 2 เป็นหอผู้ป่วยไอซียูและเครื่องไตเทียม ชั้น 3 ห้องผ่าตัดและวิสัญญี ชั้น 4 ศูนย์ประสานงานการแพทย์ฉุกเฉิน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2556 โรงพยาบาลตราดเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 312 เตียง มีแพทย์ 29 คน ทันตแพทย์ 7 คน เภสัชกร 12 คน พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่อื่นๆอีก 602 คน
 
นายวิทยา กล่าวต่ออีกว่า ในปีงบประมาณ 2555 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อลงทุนพัฒนาคุณภาพสถานบริการในสังกัด  ประกอบด้วยโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ รวมทั้งสิ้น 6,387 ล้านบาทเศษ ประกอบด้วยงบ 2 ส่วน คือ1.งบลงทุนใหม่ในปี 2555 จำนวน 2,661 ล้านบาทเศษ และงบผูกพันเดิมวงเงิน 3,725ล้านบาทเศษ 
 
 สำหรับงบลงทุนใหม่ วงเงิน 2,661 ล้านบาทเศษ ซึ่งประกอบด้วย 1.งบจัดซื้อ ครุภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น วงเงิน 455 ล้านบาทเศษ อาทิ ครุภัณฑ์ประจำศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 165 แห่ง เช่น ยูนิตทำฟัน เครื่องตรวจคลื่นความถี่สูง เครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า เครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติ ชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งครุภัณฑ์ให้โรงพยาบาลชุมชนใหม่ 30 เตียง 153 แห่ง เช่น รถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเครื่องช่วยหายใจและเครื่องกระตุ้นหัวใจ 51 แห่ง เตียงตรวจโรค เครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบมีจอภาพและเครื่องบันทึก
 
และ2.งบก่อสร้างอาคารบริการเพื่อพัฒนาศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลทุกระดับ วงเงิน 2,206 ล้านบาทเศษ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่คือโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป จะเพิ่มบริการผู้ป่วยเฉพาะทางในโรคที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญดูแลรักษา เช่น อาคารศูนย์บริการโรคหัวใจ โรคมะเร็งและวินิจฉัยรักษา ที่ รพ.สระบุรี อาคารรังสีวินิจฉัยรักษา ชันสูตร คลอด ผ่าตัด ผู้ป่วยหนัก ศูนย์บริการหัวใจและมะเร็ง ที่ รพ.สุราษฏร์ธานี อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรคหัวใจและมะเร็ง ที่ รพ.สกลนคร อาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์เป็นต้น โดยจะเน้นให้ผู้บริหารระดับจังหวัดควบคุม กำกับการดำเนินงาน อย่างเคร่งครัด โปร่งใส นายวิทยากล่าว
 
************************* 11 กุมภาพันธ์ 2555


   
   


View 14    11/02/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ