เผยสถิติในรอบ 3 ปี มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตกว่า 3,500 ราย ขณะที่มีเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปีเพียงร้อยละ 16 ที่ว่ายน้ำเป็น 

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเผยผลสำรวจพบเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ทั่วประเทศ พบว่ายน้ำไม่เป็นมากกว่า 11ล้านคน ว่ายน้ำเป็นเพียงร้อยละ 16 หรือประมาณ 2ล้านคน ส่งผลให้มีเด็กเสียชีวิตจากจมน้ำมากเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยปีละ 1,400 คน พบสูงสุดในช่วงปิดเทอมคือเดือนเมษายน – พฤษภาคม สั่งทุกจังหวัดเฝ้าระวังเข้ม เร่งจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกัน ตั้งเป้าลดการเสียชีวิตให้ได้ย่างน้อยปีละ 100 คน
          วันนี้(29 กุมภาพันธ์ 2555)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์พรเทพ   ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว “วันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ” ภายใต้แนวคิด “สร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทย สร้างความปลอดภัยทางน้ำ” พร้อมมอบถ้วยรางวัลและทุนการศึกษา 6 ทีมที่ชนะการแข่งขันแสดงโชว์ทักษะความปลอดภัยทางน้ำของเด็กอายุ 5-14 ปี
นายวิทยา กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีทั่วโลกเสียชีวิต ปีละ 135,585คน เฉลี่ยวันละ 372 คนขณะที่ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตจากเหตุจมน้ำปีละเกือบ 4000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 1,400 คน เฉลี่ยวันละเกือบ 4 คน ซึ่งมากเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตของเด็กจากทุกสาเหตุทั้งโรคติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ  โดยช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุดจำนวน 182คน รองลงมาคือมีนาคม 148คน และพฤษภาคม 141คน กลุ่มเด็กอายุ 1-9ปีเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด สาเหตุที่เด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตกันมาก เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่ยังขาดทักษะว่ายน้ำ โดยผลการสำรวจเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปีทั่วประเทศ ที่มีประมาณ 13 ล้านคน พบว่าว่ายน้ำเป็นเพียงร้อยละ 16 หรือเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเด็กไทยขาดทักษะด้านนี้อย่างมาก และการสอนว่ายน้ำในขณะนี้ ยังขาดในเรื่องของทักษะความปลอดภัยทางน้ำทักษะการเอาชีวิตรอด การป้องกันอุบัติภัยทางน้ำและการช่วยชีวิตคนจมน้ำ นอกจากนี้ในช่วงเกิดมหาอุทกภัยในปี 2554 ในหลายจังหวัดพบว่าการเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงถึงร้อยละ 80 ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันการจมน้ำของเด็ก จึงได้กำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553ได้มีการผลักดันให้มีการรณรงค์ป้องกันการจมน้ำของเด็ก โดยการสอนเด็กให้ว่ายน้ำเป็นและรู้จักวิธีการเอาชีวิตรอด ตั้งเป้าลดการตายจากการจมน้ำของเด็กในปีนี้ให้ได้ปีละอย่างน้อย 100คน
ด้านนายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดโครงการฝึกสอนทักษะตามหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดเป็นวัคซีนป้องกันเด็กจมน้ำตลอดชีวิต  ซึ่งเป็นหลักสูตรที่กรมควบคุมโรคได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องพัฒนาขึ้น ภายใต้การสนับสนุนขององค์การอนามัยโลกตั้งแต่ปี 2552 โดยหลักสูตรนี้เน้นสอนให้เด็กมีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ เช่น รู้จักประเมินแหล่งน้ำเสี่ยงอันตราย รู้จักวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อต้องเดินทางทางน้ำ เช่น การใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลาที่เดินทาง   มีทักษะในการเอาชีวิตรอดในน้ำ คือ เมื่อเวลาตกน้ำ สามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยการลอยตัวในน้ำให้นานที่สุดเพื่อรอคนมาช่วยเหลือ  และมีทักษะการช่วยเหลือคนตกน้ำในเบื้องต้น ขณะนี้มีเครือข่ายที่ร่วมดำเนินการกว่า 20จังหวัด           
โดยในเดือนเมษายน-พฤษภาคม  2555 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับสมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำและหน่วยงานภาคท้องถิ่น สร้างครูสอนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ 240คน เพื่อให้ครูไปสอนให้เด็กในพื้นที่ ให้ว่ายน้ำเป็น รู้วิธีการเอาชีวิตรอดและการช่วยเหลือผู้อื่นให้ปลอดภัยจากจมน้ำอย่างน้อย 20,000 คน
สำหรับวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำในปี 2555 นี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกัน โดย 1.ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการจมน้ำของเด็กแก่ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก และเด็ก เพื่อให้ทราบถึงโอกาสเสี่ยงและการป้องกันการจมน้ำของเด็กตลอดเดือนมีนาคม 2555 และเน้นหนักในวันที่ 1-5 มีนาคม 2555 2.เฝ้าระวังการจมน้ำของเด็กในช่วงปิดเทอมใหญ่ 3 เดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม -พฤษภาคม 3.ให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ในเรื่องการปฐมพยาบาลช่วยชีวิตคนจมน้ำเบื้องต้น4.ส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2555               
          ด้านนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์ในปีนี้ได้จัดการแข่งขันแสดงโชว์ทักษะความปลอดภัยทางน้ำของเด็กอายุ 5-14 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศฝึกทักษะความปลอดภัยทางน้ำให้แก่เด็ก และส่งทีมเด็กเข้ามาร่วมแข่งขัน ภายใต้แนวคิด “สร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทย สร้างความปลอดภัยทางน้ำ”ชิงทุนการศึกษาและถ้วยรางวัลมูลค่ารวมกว่า 200,000 บาทโดยในรอบคัดเลือกได้ให้หน่วยงานต่างๆ บันทึกภาพการแสดงโชว์ทักษะความปลอดภัยทางน้ำลงในแผ่นวีซีดี/ดีวีดี(VCD/DVD)ส่งมาให้คณะกรรมการตัดสิน ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ สถาบันการพลศึกษา ชมรมสระว่ายน้ำโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 6 ทีม โดยแบ่งเกณฑ์การตัดสินออกเป็น 3 ส่วนคือ 1.การแสดงตามแผ่นวีซีดี/ดีวีดีที่จัดส่งมา2.ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามสถานการณ์สมมุติที่คณะกรรมการกำหนดขึ้นและ 3.การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
          สำหรับผลการตัดสินทีมที่ชนะเลิศได้แก่ ทีมโรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ รองชนะเลิศอันดับ 1คือ ทีมโรงเรียนนิคมสร้างตนเองปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ รองชนะเลิศอันดับ 2คือทีมโรงเรียนศรีธรรมราชศึกษา จังหวัดนครศรีธรรมราช และรางวัลชมเชย 3รางวัลได้แก่ รางวัลชมเชยด้านเทคนิคการเอาชีวิตรอดในน้ำคือ ทีมโรงเรียนดรุณาราชบุรี จังหวัดราชบุรี  รางวัลชมเชยด้านส่งเสริมการเรียนรู้คือ ทีมโรงเรียนปราสาทศึกษาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ รางวัลชมเชยด้านสื่อสารความปลอดภัยทางน้ำคือ ทีมสโมสรสวนสุนันทา สวิมมิ่งคลับ จังหวัดกรุงเทพฯ
      ...........................                 29 กุมภาพันธ์ 2555


   
   


View 22    29/02/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ