กระทรวงสาธารณสุข จัดส่งหน้ากากอนามัย 250,000 ชิ้นให้ประชาชนในจังหวัดภาคเหนือ ใส่ป้องกันหมอกควันไฟ และมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคลงพื้นที่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ประเมินความเสี่ยงของศูนย์เด็กเล็กจากปัญหาหมอกควัน และหากจำเป็นจะจัดหาสถานที่ปลอดภัยเป็นจุดอพยพของกลุ่มเสี่ยงเช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว แนะให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คาดหน้ากากอนามัยและควรใส่หมวกกันน็อคชนิดที่มีกระบังปิดหน้า จะช่วยป้องกันการสูดฝุ่นละอองเข้าปอดได้   

 

 

          วันนี้ (5 มีนาคม 2555) นายวิทยา  บุรณศิริ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการแก้ปัญหาหมอกควันในจังหวัดภาคเหนือ ว่า ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบในส่วนติดตามประเมินสถานการณ์ผู้เจ็บป่วย โดยจำนวนผู้ป่วยนอกที่ใช้บริการในโรงพยาบาลที่อยู่ใน 8 จังหวัดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-25 กุมภาพันธ์ 2555 พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ 172,412 ราย โรคหลอดเลือดหัวใจ10,399 ราย และโรคตาอักเสบ 11,917 ราย ขณะนี้สถานพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมในการดูแลผู้เจ็บป่วยตลอด 24 ชั่วโมง  

 

 

  ในการบรรเทาปัญหา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน้ากากอนามัยไปให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 250,000 ชิ้น เพื่อแจกให้ประชาชนใส่ป้องกันการสูดฝุ่นละอองควันเข้าปอด   โดยในวันพรุ่งนี้ ได้มอบหมายให้ดร.นายแพทย์พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์  อธิบดีกรมควบคุมโรค เดินทางไปติดตามสถานการณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามประเมินผลกระทบต่อศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เพื่อวางมาตรการป้องกันแก้ไขอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการอพยพกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่นหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นหอบหืด โรคปอด โรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก หากจำเป็นอาจต้องจัดสถานที่ที่ปลอดภัยให้อยู่เป็นการชั่วคราว 

 

          ทางด้านดร.นายแพทย์พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือของกรมควบคุมมลพิษในวันนี้ (5 มีนาคม 2555) ล่าสุดเมื่อเวลา 9.00 น. พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยปริมาณฝุ่นขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 100.8-258.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดที่พบเกินเกณฑ์มาตรฐาน มี 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ และพะเยา จุดที่มีปริมาณฝุ่นละอองสูงที่สุดอยู่ที่ สาธารณสุขอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย วัดได้ 258.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือที่อำเภอเมือง จ.เชียงราย วัดได้ 222.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 

ดร.นายแพทย์พรเทพกล่าวอีกว่า ในการป้องกันการสูดฝุ่นเข้าปอด ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวคาดหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ต้องระมัดระวัง ขอให้คาดหน้ากากอนามัยและหากเป็นไปได้ขอให้สวมหมวกกันน็อคชนิดที่มีกระบังหน้า หากไม่มีหมวกกันน็อคชนิดนี้ ขอให้ใส่แว่นตาเพื่อป้องกันการสัมผัสฝุ่นละอองเข้าตา เนื่องจากการขับขี่รถด้วยความเร็วฝ่าหมอกละอองควันจะมีโอกาสสูดและสัมผัสกับฝุ่นชนิดนี้มากกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนกลั้วคอด้วยน้ำสะอาดแล้วบ้วนทิ้งวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อขับฝุ่นละอองออกจากเยื่อบุในลำคอ ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานร่างกายทำงานดีขึ้น

   *****************************    5 กุมภาพันธ์ 2555




   
   


View 13    05/03/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ