ให้ประชาชนสุขภาพดี          

วันนี้ (21 มีนาคม 2555) ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ กรุงเทพ  นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในทศวรรษที่สอง” และให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นนโยบายสำคัญ ซึ่งในวันนี้นโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครบรอบ 10 ปี และประเทศไทยจัดเป็นต้นแบบที่นานาประเทศยอมรับว่าประสบความสำเร็จ กระนั้นก็ตาม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะเร่งพัฒนาให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการดำเนินการเรื่องนี้ในระยะยาวทุกประเทศต้องแบกรับภาระ   โดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดิน เพราะฉะนั้นการดำเนินงานจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอดรับกับงบประมาณแผ่นดิน และสุขภาพประชาชน ซึ่งก้าวต่อไปของนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเน้นเรื่องการป้องกัน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และสามารถจะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส่วนในเรื่องคุณภาพก็ต้องเร่งเดินหน้าต่อไป
                      
นายวิทยากล่าวต่อว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือ การบูรณาการการให้บริการทั้ง 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพ เพื่อลดความแตกต่างหรือความเหลื่อมล้ำ มีทิศทางที่ไปด้วยกันได้ดี ไม่มีข้อแตกต่างกันมากนักโดยเฉพาะเรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งต่อไปผู้ป่วยที่เข้ารับบริการกรณีฉุกเฉินจะไม่ต้องถูกถามสิทธิ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายล่วงหน้า สามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยให้ สปสช.ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลข้อมูลกลางการเบิกจ่าย (Clearing House)ทั้งนี้ ในส่วนบุคลากรที่อยู่นอกเหนือ 3 กองทุน ได้แก่ ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะดำเนินการให้ได้รับสิทธิ์โดยเร็ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ สปสช.รับผิดชอบดำเนินการส่วนนี้และให้สปสช.เร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการใช้สิทธิ์กรณีป่วยฉุกเฉิน
ในส่วนของระเบียบของ 3 กองทุน ซึ่งบางส่วนต้องได้รับการแก้ไขนั้น ไม่ใช่ปัญหา ก็ให้ดำเนินการไปก่อนได้ ทั้งในส่วนของ สปสช. กรมบัญชีกลาง และประกันสังคม ที่ดูแลสิทธิประชาชน สวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม ก็ดำเนินการไปก่อน  ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด   แต่ก่อนจะเริ่มให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินทุกสิทธิ์ในวันที่ 1 เมษายน 2555นี้ จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในเรื่องการบริหารทั้ง 3 กองทุน ส่วนกำหนดโรคและภาวะฉุกเฉิน แพทย์จะเป็นผู้ลงความเห็น เพื่อให้การรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ต้องรอวินิจฉัยโรคก่อน
         ******************************************* 21 มีนาคม 2555


   
   


View 13    21/03/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ