ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยหลังเทศกาลสงกรานต์ให้ระวังเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ป่วยเพิ่มขึ้น จากสาเหตุเล่นน้ำนาน และขาดการพักผ่อน ตลอดในวันที่ 16 เมษายน ทั่วประเทศป่วยจากสาเหตุนี้ 616 ราย ขณะที่วันที่ 15 เมษายน พบ 554 ราย และพบนักดื่มกระเพาะทะลุ จากดื่มจัดทุกวัน แนะประชาชนให้ดูแลลูกหลาน หากพบเด็กมีอาการไข้สูงหลังเป็นไข้หวัด กินยาแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์ พยาบาลที่โรงพยาบาลปากช่องนานา โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลัดเปลี่ยนขึ้นเวรให้ความช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยที่ห้องฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้เจ็บป่วยประมาณ 1 ใน 5 แพทย์ได้รับตัวรักษาในโรงพยาบาล ขณะนี้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมารับตังผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรเข้ารักษาทั้งหมด 120 ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 ไมรู้สึกตัว เนื่องจากสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหลายใจและนอนห้องไอซียู “เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ การป่วยฉุกเฉิน จะมาจากพิษไข้ และไม่รู้สึกตัว จากโรคประจำตัวกำเริบ ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น ในวันที่ 15 เมษายน ทั่วประเทศพบ 554 ราย ในวันที่ 16 เมษายน พบเพิ่มเป็น 616 ราย” นายแพทย์ปราชญ์กล่าว นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า ผู้ป่วยฉุกเฉินส่วนใหญ่พบในเด็ก มีสาเหตุจากไข้สูง เพราะเล่นน้ำนานและตากแดด ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือโรคปอดบวม ส่วนในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว มักพบโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โดยมีสาเหตุมาจากขาดการพักผ่อนและอาจขาดยา ทำให้อาการกำเริบขึ้นมักพบหลังขาดยาประมาณ 3-4 วัน ซึ่งที่โรงพยาบาลปากช่องพบผู้สูงอายุเส้นเลือดสมองแตกไม่รู้สึกตัวแล้ว 4 ราย จึงขอเตือนประชาชน หากพบลูกหลานเป็นไข้หวัด และตัวร้อนจัด กินยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หายใจหอบจนซี่โครงบุ๋ม ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน อย่าซื้อยาปฏิชีวนะกินเองอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงขึ้น นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร เนื่องจากดื่มเหล้าหนัก 2 ราย เป็นชายวัยแรงงาน ซึ่งจากการสอบถามพบว่าดื่มหนักทุกวันตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 5 วัน โดยหากเป็นเบียร์ดื่มวันละ 8-10 ขวด หากเป็นเหล้าขาวดื่มวันละ 4-5 ขวด และก่อนหน้านี้เคยใช้ยาแก้ปวดประเภทแอสไพรินมาก่อนด้วย


   
   


View 12    17/04/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ