โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้ทุเรียนเป็นผลไม้คุณค่าทางอาหารเพียบ แนะหากกินเพื่อให้สุขภาพดี ควรกินไม่เกินครั้งละ 2 เม็ด เนื่องจากให้พลังงานสูง แต่คนเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ต้องกินอย่างระวัง และที่ห้ามเด็ดขาดคือ ห้ามกินทุเรียนแกล้มเหล้า เพราะทำให้เมาเร็วและหนัก หากจะให้ดีแนะนำให้ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออก จะได้ไม่อ้วน
นายสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ช่วงนี้ทุเรียนกำลังทยอยออกจากสวนเข้าสู่ตลาด และถึงปากผู้บริโภค จึงต้องแนะให้ผู้กินทุเรียนมีความรู้วิธีการกินทุเรียนอย่างไรให้สุขภาพดี เนื่องจากทุเรียนได้รับการยอมรับว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ไทย เป็นผลไม้ที่มีความอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และได้รับความนิยมสูง
มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคนเรามากมาย ถ้ากินพอดีและกินให้ถูกจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ทุเรียนประมาณ 2 เม็ด ขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี่ ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม และให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและวิตามินเอ ประมาณ 18 มก. 36 มก. 1 มก. และ 22 มก. ตามลำดับ ดังนั้น ถ้าหากกินทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสมและไม่บ่อยจนเกินไป ก็จะเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างดี
โฆษกกรทรวงสาธารณสุข กล่าวแนะการกินทุเรียนว่า ให้คนไทยกินทุเรียนเพื่อสุขภาพ โดยกินครั้งหนึ่งไม่ควรเกิน 2 เม็ดขนาดกลาง ก็จะได้รับพลังงานและสารอาหารที่พอเหมาะตามที่กล่าวมา แต่ถ้าหากกินครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากความหวานของทุเรียนมากเกินไปถึงประมาณ 400 กิโลแคลอรี่ ซึ่งพอๆ กับกินข้าว 5 ทัพพี หรือกินน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋อง หรือก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชาม
หากอดใจไม่ได้จริงๆ วันไหนที่กินทุเรียนมากเกินพิกัดก็มีวิธีช่วยได้ โดยจะต้องลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง หรือหลีกเลี่ยงการกินอาหารอื่นที่มันจัด หวานจัด ในวันที่กินทุเรียน และควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอในหน้าทุเรียนและมะม่วงสุก เพราะจะช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกจากร่างกาย ไม่อ้วน
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระมัดระวังในการกินทุเรียน กินได้แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ
นายสง่ากล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการกินทุเรียนก็คือ ต้องไม่กินร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะในทุเรียนมีสารกำมะถันหรือซัลเฟอร์อยู่มาก ซึ่งจะละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ทำให้แอลกอฮอล์สู่เข้ากระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็วและเมาหนักขึ้น ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เสี่ยงเสียชีวิตหรือเกิดอาการร้อนใน เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
สำหรับความเชื่อที่ว่ากินทุเรียนแล้วให้กินมังคุดตามเพื่อแก้ร้อนใน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้จะไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่คิดว่าเป็นกุศโลบายของคนรุ่นเก่า ที่คิดว่าทุเรียนเป็นของร้อนแล้วให้กินมังคุดเป็นของเย็นแก้กัน และคงต้องการให้คนกินผลไม้ที่หลายหลากชนิดด้วย นายสง่ากล่าวในที่สุด
****************************** 19 เมษายน 2550
View 16
19/04/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ