รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 10 ประเทศและจีน ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือพัฒนาสุขภาพประชาชนอาเซียนกว่า 2,000 ล้านคน ใน 7 สาขา ครอบคลุมการป้องกันควบคุมโรค ทั้งโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ การพัฒนามาตรฐานอาหารและยา วัคซีน การพร้อมรับภาวะฉุกเฉิน การพัฒนาแพทย์พื้นบ้าน
บ่ายวันนี้ (6 ก.ค.2555) ที่โรงแรมโมเวนพิค รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดภูเก็ต ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2555 ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ หรือ เอ็มโอยู ( MOU : Memorandum Of Understanding) ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขใน 11 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย สิงค์โปร์ ไทย และจีน ซึ่งมีความเห็นร่วมกันว่าความร่วมมือด้านสาธารณสุขเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสาหลัก คือประชาคมการเมืองและความมั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจและประชาคมสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนของอาเซียนที่มีกว่า 2 พันล้านคน จะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ดำรงชีวิตอย่างความกลมกลืนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศคู่ภาคีด้านการสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์ การแพทย์บนพื้นฐานของความเท่าเทียม ในด้านผลประโยชน์ที่มีร่วมกันและการเคารพซึ่งกันและกัน
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สาระความร่วมมือ มี 7 สาขา ได้แก่ 1.การป้องกันควบคุมโรคติดต่อ 2.กลไกเพื่อสนองตอบต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และศักยภาพในการดูแลสุขภาพในภาวะภัยพิบัติ 3.การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ 4.ระบบการเฝ้าระวังความปลอดภัยของอาหารและระบบการเตือนภัยฉุกเฉิน 5.การพัฒนากำลังคนทางด้านสุขภาพ 6.การพัฒนาด้านการแพทย์พื้นบ้าน และ7.การพัฒนามาตรฐานยาและวัคซีน และความร่วมมือด้านอื่น ๆ
กลไกความร่วมมือดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ระหว่างประเทศ 2.การจัดประชุมสัมมนาวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการ 3.การฝึกอบรมบุคลาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกัน 4.การแลกเปลี่ยนและศึกษาดูงานระหว่างผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรสาธารณสุข 5.การศึกษาและวิจัยร่วมกันและกลไกอื่นๆ ซึ่งจะมีการตกลงในภายหลัง โดยไทยพร้อมจะให้ความร่วมมือกับประเทศในอาเซียนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะด้านระบาดวิทยา และการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ไทยมีประสบการณ์
ทั้งนี้ ที่ประชุมมั่นใจว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนในภูมิภาคอาเซียนมีสุขภาพที่ดีและได้รับการปกป้องความปลอดภัยจากการบริโภคอาหารและยาที่ไม่มีมาตรฐาน รวมทั้งระบบบริการสาธารณสุขอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีคุณภาพทุกพื้นที่ โดยจะประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งที่ 12 อีก 2 ปีข้างหน้า ที่ประเทศเวียดนาม
******************************** 6 กรกฎาคม 2555