กระทรวงสาธารณสุข เผาทำลายยาเก่าในโครงการไข่ใหม่แลกยาเก่าทั้งหมดกว่า 37 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ยันไม่นำกลับมาใช้ซ้ำ รณรงค์ประชาชนใช้ยารักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพและพอเพียง จะขยายโครงการในพื้นที่ กทม. วันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555 ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 10 แห่ง  รวมทั้งศูนย์การค้า และสถานีรถไฟฟ้า และปรับ 4 มาตรการบริหารจัดการยาแนวใหม่อย่างคุ้มค่า

          วันนี้ (13 กรกฎาคม 2555) ที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเผาทำลายยาที่ประชาชนเลิกใช้ในโครงการไข่ใหม่แลกยาเก่า ซึ่งดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศไม่รวมกทม. ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2555 โดยยาที่เผาทำลายครั้งนี้มีทั้งสิ้น 37,792,027 เม็ด มูลค่าไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท

          นายวิทยากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล และมีประสิทธิภาพในการรักษา ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยใช้ยาวันละ 128 ล้านเม็ด คิดเป็นมูลค่า 1.5 แสนล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 47 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ในปีนี้ ได้เร่งสร้างจิตสำนึกประชาชนในการใช้ยาทุกชนิด ขณะเดียวกันได้จัดแนวทางให้แพทย์ผู้รักษาสั่งจ่ายยาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยได้เริ่มรณรงค์โครงการไข่ใหม่แลกยาเก่า ให้ประชาชนนำยาแผนปัจจุบันที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือเรียกว่ายาเก่ามาคืนที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ยาที่ได้รับคืนจะเผาทิ้งทั้งหมด ไม่มีการนำกลับมาใช้อีก และจะขยายโครงการในพื้นที่กทม. 50 เขต ในวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555 ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 10 แห่ง ได้แก่ รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี รพ.สงฆ์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือรพ.เด็ก สถาบันประสาทวิทยา สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา รพ.ราชานุกูล รวมทั้งที่ศูนย์การค้าต่างๆ และสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจะกำหนดจุดในภายหลัง

          นายวิทยากล่าวต่อว่า ในการบริหารจัดการยาต่อจากนี้ไป จะนำ 4 มาตรการใหม่มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนทุกสิทธิการรักษา ได้แก่ 1.จะให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำรพ.สต. สร้างความตระหนัก ให้ความรู้เรื่องการใช้ยาและอันตรายของยา และดูแลการใช้ยาแต่ละหลังคาเรือน 2.จัดภาชนะใส่ยาเฉพาะให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังและต้องพบแพทย์รักษาต่อเนื่อง โดยจะให้นำยาที่เหลือไปให้แพทย์ดูด้วยทุกครั้ง เพื่อปรับชนิดและขนาดของยา 3.จะกระตุ้นให้มีตู้ยาประจำบ้านทุกหลัง ซึ่งที่ผ่านมายังมีน้อยมาก โดยเก็บเฉพาะยาที่จำเป็นและยาฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อป้องกันยาเสื่อมสภาพและหยิบใช้ได้สะดวก ปลอดภัย และ4.ให้แพทย์จ่ายยาเพียงพอกับความจำเป็นในการใช้ยาของผู้ป่วยแต่ละราย และสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรไทยให้มากขึ้น ปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้การใช้ยาของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

          ทั้งนี้ ยาเก่าที่ได้รับคืนทั้งสิ้น 37,792,207 เม็ด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ยาเบาหวาน 7,615,789 เม็ด 2.ยาโรคความดันโลหิตสูง 7,038,068 เม็ด 3.วิตามิน 3,207,215 เม็ด 4.ยาลดไขมันในเลือด 2,901,603เม็ด และ5.ยารักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 1,521,030 เม็ด ที่เหลือเป็นแคลเซียม ยาปฏิชีวนะ และพาราเซตามอล อย่างละกว่า 1 ล้านเม็ด และยาอื่นๆ อีก 11 ล้านเม็ด    

 ************************** 13 กรกฎาคม 2555



   
   


View 26    13/07/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ