กระทรวงสาธารณสุข เผยยาเสพติดสูตร สี่คูณร้อย ผสมยาจุดกันยุง กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ดื่มเพราะไม่มีกลิ่น วัยรุ่นเชื่อว่ายากันยุงทำให้เมาเหมือนยุง ชี้หากร่างกายรับสารพิษในยากันยุงมากๆ อาจล้มทั้งยืน กลายเป็นอัมพาตได้ เร่งเบนเข็มวัยรุ่นหันมาเล่นกีฬา ใครมีแววพร้อมดันสู่ทีมชาติ
นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติดว่า ว่า จากการตรวจเยี่ยมศูนย์บำบัดยาเสพติดจังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามการบำบัดผู้เสพยาเสพติดในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งส่วนใหญ่ชาวไทยมุสลิม พบว่าขณะนี้ปัญหายาเสพติดเริ่มหวนกลับมาแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นในบางพื้นที่และประชากรบางกลุ่ม ซึ่งรวมถึงพื้นที่ชายแดนใต้ ถึงแม้ว่ามีสัดส่วนปัญหายาเสพติดเพียงร้อยละ 7 ของทั้งประเทศ แต่จัดว่าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดที่รุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ และยังเกี่ยวโยงกับความมั่นคงของประเทศด้วย จากการประชุมเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุขรวมทั้งฝ่ายตำรวจ พบว่า ยาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาดในวัยรุ่นไทยมุสลิม 3 จังหวัด ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาไม่สูง ได้แก่ยาเสพติดที่ผสมกันเองมีชื่อเรียกว่า สี่คูณร้อย ซึ่งมีส่วนผสมของสารเสพติด 3 ตัว และผสมยาจุดกันยุงด้วย นำมาต้ม ใช้ดื่ม เนื่องจากสารเสพชนิดนี้ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่มีใครรู้
นายแพทย์มงคล กล่าวต่อไปว่า การที่วัยรุ่นบดยาจุดกันยุงใส่ลงไปด้วย เนื่องจากมีความเชื่อว่า จะทำให้เมาเหมือนยุง ซึ่งเป็นความเชื่อที่อันตรายมาก เนื่องจากสารเคมีในยาจุดกันยุง เป็นสารกำจัดแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์ สลายตัวได้ง่าย มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท ทำให้แมลงหรือยุงเป็นอัมพาตและล่วงหล่นได้ภายใน 2-3 นาที หากคนได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกายมากๆ จะทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้เช่นกัน เช่นเกิดอาการชักกระตุก เดินโซเซ ชัก และเป็นอัมพาตได้ เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ในปี 2550 รัฐบาลได้กำหนดให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย ที่ให้มีการปฏิบัติการ รวมพลังไทยขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชันย์ด้วย
สำหรับมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในปี 2550 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้วัยรุ่นในพื้นที่ดังกล่าว ใช้เวลาว่างเล่นกีฬาตามความสนใจหรือตามถนัด เช่นฟุตบอล ตะกร้อ และจัดแข่งขันกันระหว่างหมู่บ้าน หากคนไหนมีแวว จะสนับสนุนให้ก้าวสู่ระดับทีมชาติ โดยจะประสานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬาต่อไป โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสำรวจความต้องการเล่นกีฬาของวัยรุ่นแล้ว
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในปี 2549 มีผู้ติดสารเสพติด เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดจ.ปัตตานีทั้งหมด 578 ราย ลดลงจากปี2548 ที่มีจำนวน 995 ราย เนื่องจากผู้เสพมักเป็นชาวประมงมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่บ่อยๆยาเสพติดที่พบมากที่สุดใกล้เคียงกัน ได้แก่ยาบ้าและเฮโรอีน รองลงมาคือกัญชา ที่สำคัญพบว่ามีการใช้ยาเสพติดหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการดื่มสารเสพติดสี่คูณร้อยร่วมกับยาบ้าด้วย พบประมาณร้อยละ 10 ของผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมด จึงเป็นเรื่องทีน่าห่วงว่า การดื่มสารเสพติดสี่คูณร้อย อาจเป็นการเปิดประตูให้วัยรุ่นก้าวสู่การเสพติดยาเสพติดตัวอื่นๆมากขึ้น
View 12
22/04/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ