รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ชูไอเดีย ตั้งอโรคยศาล พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังที่ร่างกายพิการจากอุบัติเหตุ และจากโรคเรื้อรัง  เช่น  ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือแตก  ทั้งในเขตเมืองและชนบท  แบบครบวงจร ซึ่งในอนาคตผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีเพิ่มมากขึ้น โดยนำร่องต้นแบบในโรงพยาบาล    5    แห่งแรกในประเทศ ได้แก่   รพ.อู่ทอง   รพ.ขุนหาญ   รพ.จอมทอง   รพ.ห้วยยอด   และสถาบันการแพทย์แผนไทย  ยศเส กทม. ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาท คาดเริ่มบริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 เป็นต้นไป

 
          นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนารูปแบบการดูผู้ที่มีความพิการจากเจ็บป่วย โดยเฉพาะจากอุบัติเหตุจราจร และจากโรคเรื้อรัง เช่นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดปัญหาตีบหรือแตก ทำให้เกิดความพิการ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องพึ่งพิงผู้ดูแลตลอดวัน     ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ป่วยกลุ่มนี้ประมาณร้อยละ 2 ของประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 1 ล้านราย และแนวโน้มจะมากขึ้นในอนาคตจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่การที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และประชาชนป่วยเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น และไม่สามารถทำได้ด้วยการทุ่มทรัพยากรเข้าไปในระบบเดิม จำเป็นต้องสังเคราะห์ระบบใหม่และพัฒนาทีมงานที่เอื้อต่อการดูแลโรคเรื้อรัง จากการวิเคราะห์ล่าสุดในปี 2553 จำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั่วประเทศมี 1.7 ล้านกว่าราย   ขณะที่ในปี 2551 มีผู้ป่วย 1.4 ล้านกว่าราย หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 19 คาดว่าในปี 2558ค่ารักษาโรคเรื้อรังของประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึงปีละ 52,000 ล้านบาท 
 
 
นายวิทยา กล่าวว่า ในการพัฒนารูปแบบดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ใช้ชื่อว่า อโรคยศาล ซึ่งนำร่อง 5 แห่งในประเทศ ภาคละ 1 แห่ง ได้แก่ 1.โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ 2.โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 3.โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี 4.โรงพยาบาลห้วยยอด จังหวัดตรัง และที่สถาบันการแพทย์แผนไทย ยศเส กรุงเทพมหานคร ใช้งบลงทุน 54ล้านบาท ได้ให้กรมสนับสนุนบริการ พัฒนาอาคารสถานที่ที่เหมาะสม  เครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น 
 
 
ทางด้านนายแพทย์อภิชัย มงคล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รูปแบบบริการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังของอโรคยศาล จะอาศัยปัจจัยสำคัญ 2 ส่วน คือ การจัดระบบบริการสุขภาพของสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ ทั้ง สถานที่  เครื่องมือ อุปกรณ์ ทีมสหวิชาชีพในการดูแลประมาณ 12 คนเป็นอย่างน้อย เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นักโภชนาการ ผู้ช่วยเหลือในการดูแลจากชุมชน โดยเชื่อมโยงกับชุมชนหมอพื้นบ้าน เพื่อการสนับสนุนทรัพยากรในชุมชนให้เอื้อต่อการดูแลผู้ป่วยพิการ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนตนเอง และความสามารถในการดูแลรักษาตนเองของผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม   เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน   
 
 
นายแพทย์อภิชัยกล่าวต่อไปว่า ลักษณะเฉพาะของอโรคยศาล เป็นอาคารชั้นเดียว ระบบระบายอากาศดี และแยกเป็นการเฉพาะออกจากหอผู้ป่วยทั่วไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากผู้ป่วยเรื้อรังจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ภายในอาคารมีทั้งห้องผู้ป่วยรวมและห้องพิเศษ ห้องสันทนาการเพื่อทำกิจกรรม ห้องปฐมพยาบาล ห้องกายภาพบำบัด ห้องศาสนบำบัด คาดว่าจะเริ่มให้การดูแลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 เป็นต้นไป และจะประเมินผลในอีก 1 ปี เพื่อดำเนินการต่อในพื้นที่อื่น 
 
 
******************************************* 22 กรกฎาคม 2555


   
   


View 10    22/07/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ