รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจเด็กไทยที่กำลังศึกษาป.1-6 พบว่าเป็นโรคสมาธิสั้นหรือที่เรียกว่าเด็กไฮเปอร์แอคทีฟมากกว่า 300,000 รายหรือประมาณร้อยละ 7 ของเด็กวัยนี้ที่มีประมาณ 5 ล้านคน มักพบในแม่ที่สูบบุหรี่ และดื่มเหล้าขณะตั้งครรภ์   ส่วนใหญ่พ่อแม่ผู้ปกครองมักละเลย มองว่าไม่ใช่ปัญหา   เพราะคิดว่าเป็นเด็กซุกซน อยู่ไม่สุข ชี้โรคนี้รักษาหายขาด แต่หากไม่รักษา เด็กที่ป่วย 2 ใน 3 จะมีการจนเป็นผู้ใหญ่ และ 1 ใน 4 มีบุคลิกก้าวร้าว   และอีก 1 ใน 10 มีปัญหาใช้สารเสพติด

               นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยมกรมสุขภาพจิต พบว่าอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้ส่งผลต่อปัญหาทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตของประชาชนมากขึ้น    ในกลุ่มเด็กปฐมวัย พบว่ามีเด็กที่มีพัฒนาการไม่สมวัยมากถึงร้อยละ 30 ระดับความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิวเฉลี่ย 98.59 จุด ซึ่งยังต่ำกว่าเกณฑ์ปกติที่อยู่ที่ 100 จุด   ซึ่งในจำนวนนี้ร้อยละ 49 มีไอคิวต่ำกว่าปกติ และมีเด็กที่มีปัญหาสติปัญญาบกพร่อง คือมีระดับไอคิวต่ำกว่า 70 จุด มากถึงร้อยละ 6.5 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล 3 เท่าตัว ซึ่งกำหนดให้มีกลุ่มนี้มีไม่เกินร้อยละ 2 
             นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า โรคในเด็กที่น่าเป็นห่วงอีกโรคหนึ่ง และจะมีผลต่ออนาคตของเด็กไทย   คือโรคสมาธิสั้นหรือโรคเอดีเอชดี (ADHD : Attention Deficit Hyperactivity Disorder) หรือที่เรียกกันติดปากว่า โรคไฮเปอร์แอคทีฟ (hyperactive) พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากไม่ได้คิดว่าเด็กป่วย โดยโรคนี้มักพบในเด็กชาย เด็กจะไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นานๆ มีอาการหุนหันพลันแล่น อยู่ไม่สุข ควบคุมตัวเองไม่ได้     องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญปัญหานี้มาก เนื่องจากหากไม่รักษาตั้งแต่เด็ก จะมีผลต่อการเรียน ต่ออนาคตของเด็กเองและอาจถูกทำร้ายจากผู้ปกครองหรือญาติได้ จากความไม่เข้าใจ   ผลสำรวจในกลุ่มเด็กไทยที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 -6 ที่มีจำนวนประมาณ 5 ล้านคน พบว่าเป็นโรคสมาธิสั้นร้อยละ 6.5 คาดว่าจะมีเด็กไทยป่วยเป็นโรคนี้ประมาณ 310,000 ราย ขณะที่ทั่วโลกพบเด็กเป็นโรคนี้ร้อยละ 5 
ทั้งนี้จากรายงานของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์  พบว่าเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้หากไม่รักษา จะทำให้ 2 ใน 3 หรือประมาณร้อยละ 70 ของเด็กที่ป่วยมีอาการจนถึงผู้ใหญ่ จะมีผลเสียต่อทั้งต่อเด็กและสังคม โดยพบว่า 1 ใน 4 ทำผิดกฎจราจร มีบุคลิกก้าวร้าว อีก 1 ใน 10 มีปัญหาใช้สารเสพติด หรือมีปัญหาสุขภาพจิตถึงขึ้นพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่มีร้อยละ 5 ที่ฆ่าตัวตายได้สำเร็จ จึงได้มอบนโยบายให้กรมสุขภาพจิต เร่งเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคและวิธีการสังเกตุพฤติกรรมผิดปกติของลูกหลาน เพื่อที่จะพาไปรักษาตั้งแต่ยังเด็ก และรักษาหายขาดได้ โดยขณะนี้โรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลศูนย์ทุกจังหวัด สามารถให้การรักษาได้                
             ทางด้าน นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า   โรคสมาธิสั้น เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่ก่อนอายุ 7 ขวบ   ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริง แต่มักจะพบในผู้หญิงที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าระหว่างตั้งครรภ์    ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน และการเข้าสังคมกับผู้อื่นของเด็ก ไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อน เด็กกลุ่มนี้จะมีระดับไอคิวปกติ อาการที่เป็นสัญญานโรค จะปรากฎเห็นชัดเจน 3 อาการ ได้แก่ ขาดสมาธิ    ขาดความสามารถในการควบคุมตัวเอง และซุกซน
               นายแพทย์วชิระกล่าวอีกว่า เด็กสมาธิสั้นส่วนใหญ่จะมีปัญหาการเรียน หรือเรียนได้แต่ไม่เต็มศักยภาพ  ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ปกครองและครูที่ดูแลเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น    เรียนรู้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อช่วยในการจัดการ กับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่างของเด็ก   การตีหรือการลงโทษทางร่างกายเป็นวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ได้ผลและจะมีส่วนทำให้เด็กมีอารมณ์โกรธหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านและก้าวร้าวมากขึ้น   วิธีการที่ได้ผลดีกว่าคือ การให้คำชมหรือรางวัลเมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสม หรือควบคุมพฤติกรรมตนเองได้  โดยแนะนำให้งดกิจกรรมที่เด็กชอบหรือตัดสิทธิอื่น ๆ
                ทั้งนี้วิธีสังเกตว่าเด็กเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม  สามารถดูได้จากการมีสมาธิ  เด็กจะไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ ไม่มีสมาธิในขณะทำงานหรือเล่น    มักไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย วอกแวกง่าย ขี้ลืมบ่อยๆทำงานผิดพลาดบ่อย ทำของใช้หรือของส่วนตัวหายบ่อย    ในเรื่องของอาการซุกซน สามารถดูได้โดย เด็กจะมีพฤติกรรมยุกยิก อยู่ไม่สุข    นั่งไม่ติดที่   หรือชอบนั่งโยกเก้าอี้    ชอบวิ่ง หรือปีนป่ายสิ่งต่าง ๆ         พูดมาก พูดไม่หยุด   ตื่นตัวตลอดเวลาหรือดูตื่นเต้นง่าย ชอบโพล่งคำตอบเวลาครูหรือพ่อแม่ถามโดยที่ยังฟังคำถามไม่จบ หากพบว่าลูกหลานมีอาการเหล่านี้ ขอให้ปรึกษาจิตแพทย์ สามารถโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือ 1667    หรือสอบถามที่สายด่วนวัยรุ่นของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ 02-248-9999 หรือดูในเวปไซต์ www.smartteen.net หรือที่แฟนเพจของสถาบันฯ http://facebook.com/smartteenตลอด24ชั่วโมง
*******************************10 ธันวาคม 2555
 


   
   


View 14    11/12/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ