รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เร่งควบคุมป้องกันปัญหาป่วยของประชาชนไทยจาก 5 โรคสำคัญ  ซึ่งขณะนี้ป่วยกว่า 11 ล้านคน คาดหากยอดป่วยถึง 18 ล้านคน จะสูญค่ารักษากว่าปีละ 3 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณ 56 นี้ ให้รพ.สต.ร่วมกับอสม.เร่งตรวจคัดกรองโรคในกลุ่มประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปให้ได้กว่าร้อยละ 90 พร้อมเร่งผลักดัน“ร่างพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. ...” เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการควบคุมป้องกันโรคที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพ คาดจะเข้าที่ประชุมวุฒิสภาในเดือนมกราคม 2556

               วันนี้ (13 ธันวาคม 2555)  ที่โรงแรมอมรินทร์ลากูน อ.เมือง  จ.พิษณุโลก นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมเสวนาในหัวข้อ “เส้นทางเดินของนักสาธารณสุข (Roadmap) ก้าวสู่ผู้ประกอบวิชาชีพ” จัดโดยสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข ซึ่งมีบุคลากรด้านสาธารณสุข จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ นักวิชาการสาธารณสุข เครือข่ายหมออนามัย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม 1,000 คน เพื่อเตรียมความพร้อมให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานในชุมชนและท้องถิ่น เข้าสู่การเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขในอนาคต ซึ่งข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ปี 2553 พบว่ามีมากถึงร้อยละ 75  จากนั้นเดินทางตรวจเยี่ยมและรับฟังข้อมูลการให้บริการของรพ.สต.พลายชุมพล และรพ.สต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก

            นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ความสำคัญกับงานควบคุมป้องกัน และส่งเสริมสุขภาพ ลดปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชน โดยเฉพาะโรค 5 โรคไม่ติดต่อ ที่เกิดจากพฤติกรรมของบุคคลไม่เหมาะสม ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสุขภาพอันดับแรกของประเทศ ข้อมูลในปี 2552 มีคนไทยป่วยจาก 5 โรคนี้ประมาณ 11 ล้านคน และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าหากคนไทยป่วยเป็นโรคดังกล่าว  18 ล้านคน ประเทศไทยจะต้องสูญเสียงบประมาณค่ารักษาประมาณปีละ 335,359 ล้านบาท 

            นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวานในเรื่องการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย ลดเครียด ลดละการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ ให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วย  และรณรงค์ตรวจคัดกรองโรค ครอบคลุมประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไป ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 โดยให้รพ.สต.ที่มี 9,750 แห่งทั่วประเทศ เป็นกำลังหลักร่วมกับอสม.ในพื้นที่รวมประมาณ 1.2 ล้านคน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนให้มีอายุยืนได้ตามเป้าหมายคือ 80 ปีในอีก 10 ปี ซึ่งขณะนี้ค่าเฉลี่ยอายุคนไทยคือ 75.6 ปี       

              ขณะเดียวกันจะเร่งยกมาตรฐานทางวิชาชีพ และจริยธรรมแห่งวิชาชีพให้แก่บุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีกว่า 70,000 คนทั่วประเทศ ประกอบด้วย นักวิชาการสาธารณสุข เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน เจ้าพนักงาน ทันตาภิบาล เจ้าพนักงานเภสัชกรรม และนักวิชาการสุขาภิบาล  ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่ในรพ.สต. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ/จังหวัด  ศูนย์/กรมวิชาการ และกระทรวงสาธารณสุข โดยปฏิบัติหน้าที่ในการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรค และการรักษาพยาบาลเบื้องต้น โดยเสนอให้มีร่างพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. ... ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ วาระดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2555 และผ่านวาระที่หนึ่งของที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณารับหลักการไว้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณากลั่นกรอง และปรับปรุงของคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภา และจะเสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ในเดือน ม.ค. 2556 และหากได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฏรก็จะนำทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ต่อไป  

                     ****************************  13 ธันวาคม 2555



   
   


View 11    13/12/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ