“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 136 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยเริ่มเดินหน้าปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ในการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เป็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งการส่งเสริมการใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยาชื่อสามัญ การกำหนดราคากลางยานอกบัญชียาหลัก ระบบการจัดซื้อยารวม ย้ำไม่ห้ามใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่ให้ใช้ภายใต้ข้อบ่งชี้ และจัดซื้อไม่เกินราคากลาง
วันนี้ (17 ธันวาคม 2555) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยา เวชภัณฑ์ การเบิกจ่ายค่าตรวจวินิจฉัย และค่าบริการทางการแพทย์ ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐ ประกอบด้วยผู้แทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงกลาโหม กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาระบบยาของประเทศในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งด้านการต่อรองราคายาและเวชภัณฑ์ การส่งเสริมการใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยาชื่อสามัญ การกำหนดแนวทางรักษา ข้อบ่งชี้การใช้ยา การตรวจวินิจฉัยโรค และการรักษาพยาบาล การพัฒนาระบบตรวจสอบการรักษาพยาบาลและการเบิกจ่าย การพัฒนาบัญชียาและรหัสมาตรฐาน เพื่อสนับสนุนการบริหารเวชภัณฑ์ และ การปรับปรุงกลไกการจ่ายยาของ 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐ เพื่อให้มีการใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า การดำเนินงานของคณะกรรมการแต่ละชุดมีความคืบหน้า ขณะนี้ได้มีการต่อรองราคายานอกบัญชียาหลักรวม 774 รายการ จะส่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณากำหนดเป็นราคาอ้างอิงในการเบิกจ่าย คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 1,800 ล้านบาท มาตรการต่อไปคือจะต้องมีการนำไปใช้จริงให้เกิดผล ในทางปฏิบัติ โดยกระทรวงสาธารณสุข กรมบัญชีกลาง และองค์การเภสัชกรรมเห็นชอบในหลักการที่จะบริหารจัดการยาร่วมกัน มีคณะกรรมการคัดเลือกรายการยาที่เหมาะสม ให้องค์การเภสัชกรรมต่อรองราคายา กำหนดเป็นราคากลาง และให้โรงพยาบาลต่างๆ ซื้อจากองค์การเภสัชกรรม หรือซื้อบริษัทอื่นๆ ในราคาที่ไม่เกินราคากลางซึ่งกรมบัญชีกลางจะมีระเบียบมาตรการออกมารองรับ เช่นกลุ่มยาลดไขมันที่มีการใช้สูง เป็นต้น
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ในการดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านยา นอกจากการสนับสนุนการใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ยาส่วนที่นอกเหนือจากบัญชียาหลักยังสามารถใช้ได้ภายใต้หลักการคือ 1.มีข้อบ่งชี้ในการใช้ และ2.มีราคากลางยา โดยสนับสนุนให้มีการใช้ยาชื่อสามัญที่ผลิตในประเทศ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านยาลดลง ตัวอย่างเช่นกลูโคซามีนซัลเฟต จากเดิมที่มีปัญหาจากการห้ามไม่ให้เบิกจ่ายยาแนวทางที่ได้ดำเนินการคือจะอนุมัติให้ใช้ได้ตามข้อบ่งชี้ของราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ ซึ่งสามารถลดการใช้จาก 600 ล้านบาทต่อปีเหลือประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี สิ่งที่ได้ดำเนินการต่อมาคือคณะอนุกรรมการต่อรองราคายาฯ ได้กำหนดราคายา อ้างอิงจากบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ทำให้ยาถูกลงประมาณ 3 เท่า คือประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นแนวทางต่อไปในการดำเนินการสำหรับยากลุ่มอื่นๆ ที่มีมูลค่าการใช้สูงอีก 9 รายการ เช่นยาลดไขมันในเลือด ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาต้านการอักเสบต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหากทำได้ครบทุกรายการคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท
ส่วนมาตรการเสริมในการลดราคายา ได้จัดทำข้อบ่งชี้ในการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่มีราคาแพง กาตรวจวินิจฉัยที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่นการผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่ายสูง การตรวจวินิจฉัยทางรังสี และรังสีรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง สิ่งต่างๆ ที่ดำเนินการไม่ได้ต้องการให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจรักษาด้วยวิธีที่ถูกที่สุดแต่ทำเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่สมเหตุผล และประเทศสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ นอกจากนี้ มีการพัฒนาบัญชียาและรหัส มาตรฐานยา ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจสอบการใช้ยาของโรงพยาบาลต่างๆได้ โดยได้วางระบบการตรวจสอบการรักษาพยาบาลของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้เน้นย้ำว่าให้เป็นการตรวจสอบการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผลในระดับองค์กรมากกว่าเป็นระดับตัวแพทย์เพราะในการรักษาการใช้ยาถือเป็นการประกอบโรคศิลปะ แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่รายซึ่งอาจไม่เป็นไปตามข้อบ่งชี้ทั้งหมด นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการระบบข่าวสารข้อมูลด้านการแพทย์ โดยมีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน เพื่อจัดระบบข้อมูลของผู้ให้บริการและผู้รับบริการของทั้ง 3 กองทุน ให้เชื่อมโยงกันสามารถประมวลผลข้อมูลด้านการรักษาและการใช้ยาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ในเดือนมกราคมปี 2556 จะเป็นเดือนแห่งการปฏิบัติ คณะกรรมการจะต้องรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่เป็นรูปธรรม เช่น มีการใช้ยาชื่อสามัญแล้วจำนวนเท่าใด มีการจัดซื้อยารวมสามารถลดค่าใช้ยาลงเท่าไร รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆ เช่น โรงเรียนแพทย์ กองทัพ จะรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานความก้าวหน้าของการนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ยายาอย่างสมเหตุผล ในกลุ่มยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ
****************************** 17 ธันวาคม 2555