กระทรวงสาธารณสุข พื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้เด็กและผู้สูงอายุเผชิญปัญหาโรคฟันสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยเด็กฟันผุร้อยละ 65 โดยเฉพาะนราธิวาสพบเด็กฟันผุถึงร้อยละ 80 ส่วนผู้สูงอายุ 1 ใน 10 เหลือแต่เหงือกไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร เร่งปรับระบบการดูแลในพื้นที่ เน้นโรงพยาบาลทุกระดับเพิ่มบริการดูแลสุขภาพช่องปากลงชุมชน ตั้งเป้าภายใน 3 ปีนี้ จะใส่ฟันเทียมพระราชทานให้ผู้สูงอายุ 9,000 ราย เพิ่มเด็กวัยเรียนฟันดีให้ได้ร้อยละ 40 
 
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาสาธารณสุขหลายเรื่องที่สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ เช่น อัตราการสูบบุหรี่ แม่เสียชีวิต และฟันผุ ผลสำรวจสุขภาพช่องปากของกรมอนามัยในปี 2554 พบว่า เด็กไทยโดยเฉลี่ยร้อยละ 50 เป็นโรคฟันผุ สูงสุดในเขตภาคใต้ร้อยละ 65 โดยเฉพาะใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส   มีความชุกโรคฟันผุมากกว่าที่อื่น โดยจังหวัดปัตตานีพบร้อยละ 70 และนราธิวาสพบร้อยละ 80 ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุโดยเฉลี่ยพบ 1 ใน 10 ไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร พบมากที่สุดในภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนี้ผู้สูงอายุในภาคใต้ที่มีปัญหาฟันผุหรือเหงือกอักเสบแล้ว พบว่ากว่าครึ่งยังไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากอุปสรรคในการเดินทางและจากผลกระทบความไม่สงบที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาเป็นโรคเหงือกอักเสบรุนแรงสูงถึงร้อยละ 91 และมีโอกาสสูญเสียฟันทั้งปากเพิ่มขึ้น  
 
          นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า มาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้มอบนโยบายให้ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ ทั้งกำลังคน เครื่องมืออุปกรณ์ และงบประมาณ มาใช้ร่วมกันในระดับเครือข่ายบริการ โดยตั้งคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขเครือข่ายหรือคปสข.ทั้ง 4 จังหวัด มาจัดทำยุทธศาสตร์บริการร่วมกันเพื่อลดปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด    ไม่แยกพัฒนาเฉพาะโรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันทรัพยากรด้านกำลังคนค่อนข้างพร้อมกว่าพื้นที่อื่น   ส่วนการทำงานของแต่ละพื้นที่ ได้มอบนโยบายให้ปรับวิธีการทำงาน จากเดิมที่เป็นการตั้งรับ รักษาผู้ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งทำให้คิวยาวและแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ให้เพิ่มบริการเชิงรุกลงชุมชน เน้นการส่งเสริมป้องกันร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากและฟันในชุมชน ให้ประชาชนมีสุขภาพช่องปากดีขึ้น คาดว่าวิธีการนี้น่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
 
ทั้งนี้ในปี 2556 นี้ สปสช.ได้จัดงบประมาณส่งเสริมป้องกันด้านทันตสุขภาพทั่วประเทศ 1,045 ล้านบาท เฉลี่ยเครือข่ายบริการละ 80-90 ล้านบาท และมีงบจากกระทรวงสาธารณสุขอีกกว่า 1,000 ล้านบาท เฉลี่ยเครือข่ายละเกือบ 100 ล้านบาท และยังมีงบเฉพาะสำหรับการแก้ไขปัญหาภาคใต้อีก 87 ล้านบาทซึ่งเพียงพอในการจัดบริการปะชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดใต้ประมาณ 5 ล้านคน นายแพทย์ณรงค์กล่าว
 
ด้านนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ได้วางเป้าหมายแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่พ.ศ.2556-2558 ใน 2 เรื่อง คือ 1. ใส่ฟันเทียมพระราชทานในผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากจำนวน 9,000 คน และขยายบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในรพ.สต. รวมทั้งพัฒนาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุให้ดูแลอนามัยช่องปากตนเอง และ2.การส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ป้องกันฟันผุในเด็กวัยเรียน ตั้งเป้าหมายภายในปี 2558 จัดบริการเคลือบหลุมร่องฟัน และใช้ฟลูออไรด์ ให้กลุ่มเด็กวัยเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 ซึ่งเป็นการถนอมฟันแท้ที่ต้องใช้งานตลอดชีวิตไม่ให้ผุ เพิ่มจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 เพิ่มโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของโรงเรียนทั้งหมด

************************************ 23 ธันวาคม 2555



   
   


View 12    23/12/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ