นายกรัฐมนตรี ดึงพลัง อสม.ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน ร่วมเป็นพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในปี 2556  ในหมู่บ้านชุมชน ชี้ขณะนี้มีหมู่บ้านประมาณ 10,000 แห่งมีปัญหายาเสพติดชุก ด้านกระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนาขีดความสามารถ อสม. เฝ้าระวังปัญหาทุก 10-15 หลังคนเรือน ติดตามผู้ผ่านการบำบัดในอัตรา 2 คนต่อผู้ป่วย 1 คน ป้องกันไม่หวนกลับไปใช้ยาเสพติดอีก ตั้งเป้าลดอัตราการใช้ยาเสพติดให้เท่าสากลคือไม่เกิน 2 ต่อ 1,000 ประชากร

           บ่ายวันนี้ (9 มกราคม 2556) ณ อิมแพคเมืองทองธานี จ.นนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมปฏิบัติการโครงการพัฒนาศักยภาพ อสม. ในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาลและการสาธารณสุข “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่  คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของ อสม. ให้มีความรู้ ความสามารถ ในการค้นหาผู้เสพยาเสพติด เพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา และร่วมติดตามหลังจากผ่านการบำบัดรักษา ไม่ให้หวนกลับไปเสพยาซ้ำอีก พร้อมมอบนโยบายด้านยาเสพติดของรัฐบาลแก่ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ กทม. และอาสาสมัครสาธารณสุขหรืออสม.รวม 8,300 คน โดยมีนายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.ต.นายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมต้อนรับ

          นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อสม. เป็นพลังจิตอาสาที่เดินเคียงข้างประชาชน โครงการพัฒนาศักยภาพ อสม. ในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข เป็นโครงการที่มีพลัง ซึ่งรัฐบาลจริงจังกับการแก้ปัญหายาเสพติด มีการสั่งการให้ทุกฝ่ายช่วยกันกวาดล้าง ลดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง และขอให้ถือว่าผู้เสพยาคือบุตรหลาน แต่ที่ผ่านมายังพบว่ามีการกลับมาติดยาซ้ำหลังบำบัดแล้ว ซึ่งรัฐบาลได้มีโครงการแก้ไขปัญหานี้หลายโครงการ เช่นโครงการชุมชนอุ่นใจ ได้ลูกหลานกลับคืน เสริมสร้างความเข้มแข็งการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน นำร่องแล้ว 12 จังหวัด และรัฐบาลเห็นความเข้มแข็งของอสม. 1 ล้าน 4 หมื่นคน ซึ่งมีความเข้าใจในพื้นที่และงานสาธารณสุข ขอให้ อสม. สอดส่องติดตามผู้เสพในชุมชนให้เข้าสู่กระบวนการบำบัด และติดตามร่วมแก้ไขปัญหาในชุมชนไม่ให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดหวนกลับไปเสพยาอีก ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาถูกทางยิ่งขึ้น

          นอกจากนี้ ยังขอให้ อสม. ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการบูรณาการการแพทย์ฉุกเฉิน 3 กองทุน ซึ่งขณะนี้ได้ขยายไปยังรัฐสิสาหกิจ หน่วยงานรัฐอื่นๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ และประชาสัมพันธ์โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ได้มีการปรับปรุงบริการ สามารถเปลี่ยนสิทธิการรักษาได้ปีละ 4 ครั้ง โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ซึ่งพบว่าซื้อยากินเองถึงร้อยละ 72 ขอให้ใช้บริการโครงการ 30 บาท ซึ่งจะทำให้ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

          ด้านนายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลของ ปปส. พบว่าปัญหายาเสพติดมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสูงขึ้นเป็น 3 เท่าตัว   ปัจจุบันคาดว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดประมาณ 1.3 ล้านคน หรืออัตราส่วน 19  ต่อ 1,000 ประชากร โดยมีความชุกมากในพื้นที่ 31 จังหวัด 338 อำเภอ และ 60,584 หมู่บ้านชุมชน จากหมู่บ้านทั้งหมดที่มี 84,302 หมู่บ้านชุมชน โดยมีหมู่บ้านชุมชนร้อยละ 13 หรือประมาณ 10,000 แห่งที่มีปัญหาชุกมาก กลุ่มอายุที่ใช้ยาเสพติดมากที่สุด คือ 15-24 ปี ส่วนใหญ่อาชีพรับจ้างและว่างงาน จึงกล่าวได้ว่าขณะนี้ยาเสพติดเป็นปัญหาใกล้ตัวทุกคน ผลการบำบัดผู้เสพยาในปีที่ผ่านมาดำเนินการได้ 508,850 ราย เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 400,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 127  

          นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ในปี 2556 นี้ ตั้งเป้าบำบัดผู้เสพยาเสพติดรายใหม่ให้ได้ 300,000 ราย พร้อมทั้งจัดระบบติดตามป้องกันไม่ให้ผู้ผ่านการบำบัดแล้วซึ่งมีประมาณ 700,000 คน ไม่ให้กลับไปเสพยาเสพติดอีก เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าอัตราการหวนกลับไปติดยาเสพติดหลังบำบัดสูงถึงร้อยละ 10  ซึ่งสูงกว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถึง 5 เท่าตัว จึงต้องเพิ่มกลไกเน้นหนักการป้องกันส่วนนี้มากยิ่งขึ้น และมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติสู่การรวมพลังในระดับพื้นที่ ให้ชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก และลูกหลานมีอนาคตที่ดี  โดยรัฐบาลได้เปิดพื้นที่ปฏิบัติการในหมู่บ้านชุมชน ภายใต้บ้านอุ่นใจ “โครงการชุมชนอุ่นใจ ได้ลูกหลานกลับคืน” บูรณาการอย่างเป็นระบบ นำร่องไปแล้ว ใน 10 จังหวัด และจะขยายไปทุกหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ 

          ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มความเข้มข้นนโยบาย โดยพัฒนาระบบการบำบัดรักษาในโรงพยาบาล ให้รักษาใกล้บ้าน และพัฒนาศักยภาพ อสม.จำนวน 1,040,000 คน โดยจัดอบรมเพิ่มพูนความรู้และทักษะตั้งแต่การเฝ้าระวัง ค้นหาผู้เสพยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่อื่นๆ โดยให้อสม.ติดตามดูผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้ว ในสัดส่วนอสม. 2 คน ต่อผู้ป่วย 1 คน  และอสม. 1 คนสามารถค้นหาผู้เสพยาเสพติดในทุก 10-15 ครัวเรือน ไปพร้อมๆกับการดูแลด้านสุขภาพ  ซึ่งจะทำให้เป็นชุมชนเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหายาเสพติด  ตั้งเป้าจะลดอัตราผู้เสพยาเสพติดให้เหลือไม่เกิน 2 ต่อ 1,000 ประชากร เท่ากับสากล และอีก 10 ปี คนไทยจะมีสุขภาพดี อายุยืน 80 ปี  สำหรับกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพอสม.ในวันนี้ มีทั้งการบรรยายความรู้เรื่องยาเสพติด นิทรรศการและกิจกรรมฐานการเรียนรู้ การถอดรหัสการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน จำนวน 5 ฐาน คือ 1.ฐานการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน 2.ฐานการค้นหา คัดกรอง บำบัดและติดตาม 3.ฐานการควบคุมตัวยาและสารตั้งต้นยาเสพติด 4.ฐานการตรวจพิสูจน์สารเสพติด และ 5.ฐานการป้องกันลูกหลานจากยาเสพติด          

***************************  9 มกราคม 2556



   
   


View 10    09/01/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ