“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 136 View
- อ่านต่อ
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งกองทุนรักษาพยาบาลข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัวกว่า 5.3 แสนคนทั่วประเทศ แก้ปัญหาข้าราชการส่วนท้องถิ่นเข้าไม่ถึงสิทธิ ต้องสำรองจ่ายเอง เพื่อให้สิทธิเสมอภาคทัดเทียมกับข้าราชการพลเรือน เข้ารักษาในโรงพยาบาลรัฐได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เตรียมงบประมาณเบื้องต้น 6,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตุลาคม 2556 นี้
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อให้บุคคลผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จำนวนกว่า 5.3 แสนคน ระหว่างนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 องค์กร
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีการการบูรณาการและสร้างเอกภาพของระบบประกันสุขภาพให้เป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อสร้างความเสมอภาคในการรับบริการสาธารณสุข และได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย พิจารณาหารือร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบการดูแลและคุ้มครองความมั่นคงสิทธิด้านการรักษาพยาบาล สำหรับข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่น เนื่องจาก ปัจจุบันพบว่า ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่น ประสบปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะกรณี ที่โรคค่าใช้จ่ายสูง โดยภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็ก เมื่อเกิดกรณีผู้ป่วยที่มีโรคค่าใช้จ่ายสูง จะทำให้ประสบปัญหาไม่มีงบประมาณเพียงพอ และเกิดผลกระทบต่อข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อให้เกิดระบบคุ้มครองความมั่นคงด้านสิทธิการรักษาพยาบาลสำหรับข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัว ให้ได้รับบริการที่เสมอภาคกับสิทธิอื่นๆ และลดภาระความเสี่ยงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็ก จึงได้จัดตั้ง “กองทุนกลางค่ารักษาพยาบาลข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัว”
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในการจัดตั้งกองทุนกลางค่ารักษาพยาบาลข้าราชการส่วนท้องถิ่นดังกล่าว กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จะขอตั้งงบประมาณจัดตั้งกองทุนเบื้องต้น 6,000 ล้านบาท โดยโอนไปให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจัดเป็นกองทุน เพื่อดูแลข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น ลูกจ้างประจำและครอบครัว สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง เทศบาล 1,900 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 5,693 แห่ง รวมจำนวนทั้งหมด 537,692 คน เฉลี่ยประมาณรายละ 12,000 บาท ซึ่งสิทธิประโยชน์จะเสมอภาคและทัดเทียมระบบสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลข้าราชการพลเรือน ไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถรักษาที่โรงพยาบาลรัฐได้ทุกแห่ง
ทั้งนี้จะร่วมกันพัฒนาให้ผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 ได้รับสวัสดิการรักษาพยาบาลจากรัฐที่ไม่แตกตางกันจากสิทธิเดิมและให้มีการพัฒนาด้านสิทธิประโยชน์ และวิธีการใช้บริการเพื่อให้ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่น และบุคคลในครอบครัว รวมถึงผู้มีสิทธิอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกในการเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาและจัดทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อยกร่างพระราชกฤษฎีกาภายใต้มาตรา 9 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 หรือวันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป
“ขอชื่นชมในความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการดำเนินงาน เพื่อให้ข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัว ได้เข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข ได้อย่างมีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม เท่าเทียม และมีมาตรฐานเดียวกัน โดยการลดข้อจำกัดทั้งด้านงบประมาณ และข้อจำกัดด้านข้อกฎหมาย/ระเบียบที่การเบิกจ่ายเดิมมีการแยกเฉพาะส่วนแต่ละองค์กรและแตกต่างจากระบบประกันสุขภาพภาครัฐ 3 ระบบหลัก เพื่อให้ได้รับบริการสาธารณสุขอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ทั้ง 12 องค์กรประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมลูกจ้างประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการส่วนตำบลและเทศบาล สมาพันธ์เทศบาลแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
***************************** 26 กุมภาพันธ์ 2556