รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดูแลผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษา 6 รายที่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่าน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หากผลการตรวจสอบพบเกิดจากการรักษาจะเยียวยาทันที ตามมาตรา 41

          วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2555) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและเจ้าหน้าที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  รับเรื่องร้องทุกข์จากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ซึ่งได้นำญาติของผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลจำนวน 6 ราย  โดยอยู่ในสังกัดภาครัฐและกระทรวงสาธารณสุข 2 แห่ง และเอกชน 4 แห่ง
           นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยที่เข้าไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน ในบทบาทหน้าที่โรงพยาบาลภาครัฐอื่นและโรงพยาบาลสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข จะใช้กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะมาตรา 41 ที่เขียนไว้ในการที่จะดูแลหรือเยียวยา ในกรณีที่เป็นความเสียหายที่เกิดจากการรับบริการที่แท้จริง ถ้าเป็นของโรงพยาบาลเอกชนมีพระราชบัญญัติว่าด้วยสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งอยู่ในความดูแลของ สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข   ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข กรณีที่มีความเสียหายที่เกิดจากบริการจริงหรือจากภาวะของโรค จะอาศัยอำนาจตามมาตรา 41  ซึ่งขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ขยายเพดานเพิ่มวงเงินชดเชยให้จ่ายให้ตามความเป็นจริง เช่น พิการ เสียชีวิต   โดยกรณีผู้เสียหายเสียชีวิตจะได้รับการเยียวยา 400,000 บาท  จากเดิมได้ 120,000 บาท  
                นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ประชาชนที่เข้ารับการรักษาและคิดว่าได้รับความเสียหาย สามารถยื่นหนังสือร้องเรียนได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้ง 12 เขต หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ คณะกรรมการจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาตามกระบวนการว่าเป็นความเสียหายจากการบริการสาธารณสุขหรือไม่ หรือแม้ว่ากรณีร้องเรียนผ่านมูลนิธิปวีณาฯ เช่น 6 รายนี้และมีหลายกรณีที่เคยร้องผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเข้าสู่การพิจารณาตรวจสอบข้อมูลของคณะกรรมการแล้ว อย่างไรก็ตาม จะส่งเรื่องร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานพยาบาลแต่ละแห่งที่ถูกร้องเรียนดำเนินการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป หากพบว่าเป็นจริง จะจ่ายทันที โดยไม่ต้องพิสูจน์ความถูกผิด
สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขพยายามหาทางออกเป็นข้อตกลงร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ   เพื่อดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชน สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จะรับเรื่องราวร้องทุกข์พร้อมทั้งรายละเอียดทั้งหมด และสืบหาข้อเท็จจริงจากสถานพยาบาล แล้วพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ ในการเยียวยาจะให้สิทธิคุ้มครองแก่ทุกฝ่าย ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ โดยมีคณะกรรมการวินิจฉัยความเสียหาย ซึ่งในหลักการนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความรู้ เป็นวิชาชีพเพราะต้องอาศัยความเป็นเทคนิคทางวิชาชีพในการพิจารณาโดยแท้จริง ในหลักการกำหนดว่าต้องเป็นหน่วยงานที่สามารถให้การดูแลทั่วถึง เป็นธรรม เข้าถึงง่าย  
                นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับกรณีของเด็กชายวันเฉลิม ทองอิน อายุ 3 ปี 7 เดือน ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง สมองไม่สามารถสั่งการอวัยวะได้ และตาทั้ง 2 ข้างบอด ต้องให้อาหารทางสายยางทางจมูก หลังฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร จะต้องดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ยืนยันว่าวัคซีนที่ฉีดให้เด็กรายนี้ เป็นวัคซีนที่ฉีดเพื่อป้องกันโรค ไม่ใช่วัคซีนทดลอง วัคซีนนี้ผ่านกระบวนการพัฒนามาเป็นเวลานับสิบ ๆ ปี ผ่านการทดลองในสัตว์ และในคนมาแล้ว ก่อนนำมาสู่การใช้บำบัดรักษา     โอกาสการแพ้วัคซีนมีได้ แต่พบได้น้อย ซึ่งกรณีของเด็กชายวันเฉลิมนี้ จะต้องมีการตรวจสอบทั้งตัววัคซีน อุปกรณ์การฉีด วิธีการฉีดของเจ้าหน้าที่ โดยได้มอบให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป
                ทั้งนี้ การแพ้วัคซีนนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยและก่อนให้วัคซีนเจ้าหน้าจะซักถามประวัติก่อน หรือหากเป็นอาการของโรคแทรกซ้อน ประวัติการฉีดสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และรายนี้หากตรวจสอบแล้วเกิดความเสียหายจริงจากการได้รับบริการ ก็จะดำเนินการเยียวยาตามาตรา 41     
 *************************** 20 กุมภาพันธ์ 2556


   
   


View 11    20/02/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ