ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงตรวจเยี่ยมความพร้อมของรพ.รัฐและเอกชน และสถานประกอบการสปา – นวดเพื่อสุขภาพ ในจ.ภูเก็ต เพื่อรับมือชาวต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานและท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นหลังเข้าสู่ เออีซี ในปี 2558 สร้างความเชื่อมั่นคุณภาพและความปลอดภัยบริการสุขภาพ

          วันนี้ (11 มีนาคม 2556) นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนพ.เจษฎา ฉายคุณรัฐ สาธารณสุขนิเทศก์ เพื่อติดตามความพร้อมการเตรียมสถานบริการสาธารณสุขรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี (AEC) ในปี 2558 ว่า  จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในปี 2554 มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเกือบ 10 ล้านคน เพิ่มจากปี 2553 ถึงร้อยละ 73 สร้างรายได้เข้าประเทศได้กว่า 188,826 ล้านบาท ทำให้ภูเก็ตเป็นแหล่งเศรษฐกิจ คาดว่าขณะนี้มีประชากรอาศัยอยู่ในจังหวัดประมาณ 1 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นประชากรตามทะเบียนราษฎร์ 352,998 คน เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้าไปทำงานประมาณ 103,895 คน และต่างด้าว 500,000 คน  

        นายพสิษฐ์กล่าวต่อว่า เมื่อประเทศไทยเข้าสู่เออีซีในปี 2558 คาดว่าจังหวัดภูเก็ตจะต้องรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ และความมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับโลกของภูเก็ต จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมด้านบริการสุขภาพให้พร้อม โดยในวันที่ 11-13 มีนาคม 2556 จะตรวจเยี่ยมหน่วยงานด้านสุขภาพในจังหวัดภูเก็ต ทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถานประกอบการสปา เพื่อดูความพร้อมในการรับมือกับนักท่องเที่ยวและแรงงานในอุสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นกัน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและสิ่งที่พื้นที่ต้องการสนับสนุนจากส่วนกลาง ซึ่งหากทุกภาคส่วนมีความพร้อมก็จะเป็นประโยชน์ต่อชาวภูเก็ตต่อไป 

          ทางด้านนายแพทย์เจษฎา ฉายคุณรัฐ สาธารณสุขนิเทศก์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาสถานบริการสุขภาพทุกระดับเพื่อรับการเข้าสู่เออีซี โดยมีจุดเน้นในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นเป้าหมายที่ให้ความสำคัญในอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยส่งเสริมให้โรงพยาบาลภาครัฐซึ่งมี 3 แห่งคือ โรงพยาบาลวิชระภูเก็ต โรงพยาบาลป่าตอง และโรงพยาบาลถลาง พัฒนาให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานบริการระดับสากลหรือเอชเอ (HA : Hospital Accreditation) พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในทุกมิติควบคู่กัน ส่วนโรงพยาบาลเอกชนที่มี 3 แห่ง ได้มีการประสานความร่วมมือแลกเปลี่ยนและใช้ทรัพยากรในการให้บริการร่วมกัน ทำให้เกิดความพร้อมในภาพรวมของบริการสุขภาพ สามารถให้บริการประชาชน ให้ได้รับความสะดวก  รวดเร็ว  ถูกต้องตามมาตรฐาน

        นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้ส่งเสริมสถานประกอบการด้านธุรกิจบริการสุขภาพ คือสปาเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหวัดมีประมาณ 400 แห่ง โดยพัฒนาทั้งมาตรฐานสถานที่ บุคลากร รวมทั้งการส่งเสริมเชิงธุรกิจ อันจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวและการเข้าสู่เออีซี ขณะนี้ที่ภูเก็ต มีสปาเพื่อสุขภาพที่ได้รับรองมาตรฐานแล้ว 73 แห่ง และนวดเพื่อสุขภาพได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว 81 แห่ง จะพัฒนาให้ได้มาตรฐานทุกแห่ง   เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพบริการและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ  

  *********************************     11 มีนาคม  2556

 



   
   


View 9    11/03/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ