รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์สุขภาพชุมชนเขตเมือง และศูนย์สาธารณสุขชุมชน รวมกว่า 10,000 แห่ง  ให้ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้านใกล้ใจ ลดค่าใช้จ่ายเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน และความดันโลหิตสูงร้อยละ 50 หรือประมาณ 1.7 ล้านคน สามารถรับบริการใกล้บ้าน  เชื่อมั่นในอนาคตจะลดปัญหาโรคแทรกซ้อนลงได้มาก  พร้อมสร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานหนักขึ้น

          วันนี้ (11 มีนาคม 2556) ที่โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า โฮเต็ล จ.สุราษฎร์ธานี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายระบบบริการปฐมภูมิ แก่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน สาธารณสุขอำเภอ ผู้รับผิดชอบงานปฐมภูมิสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 400 คน

          นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ ซึ่งมี 3 กลุ่ม ได้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)  ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) และศูนย์สาธารณสุขชุมชน (ศสช.)กระจายในพื้นที่เขตเมือง ชนบททั่วไป และพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่สูง รวม 10,174 แห่ง เพื่อจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชนเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ทั้งงานส่งเสริมป้องกันโรค งานรักษาพยาบาลโดยเป็นการเพิ่มจุดตรวจรักษาผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อาการไม่รุนแรง ให้ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้าน ใกล้ใจ 

         โดยในปี 2556 นี้ ตั้งเป้าให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่มีทั่วประเทศประมาณ 3.5 ล้านคน   โดยให้ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 1.7 ล้านคน สามารถเข้ารับการดูแลติดตามการรักษาได้สถานบริการ 3  กลุ่มที่กล่าวมา เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งขณะนี้ได้จัดบุคลากรทางการแพทย์ อาทิ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล แพทย์แผนไทย ทันตาภิบาล ทั้งอยู่ประจำและหมุนเวียนออกไปให้บริการ มีอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น  และใช้ระบบไอทีเชื่อมโยงการรักษากับโรงพยาบาลใหญ่ ใช้ยารักษาตัวเดียวกัน  การกระจายบริการไปถึงประชาชน จะช่วยลดรายจ่ายค่าเดินทางไปโรงพยาบาลของประชาชนลงได้ปีละประมาณ 16,000 ล้านบาท   เชื่อมั่นว่าจากนี้ไป ปัญหาโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วย 2 โรคนี้ เช่นตาต้อกระจก เท้าเป็นแผลเน่า หรือไตวาย จะลดลงได้มาก เพราะผู้ป่วยเข้าถึงบริการง่าย สะดวกกว่าเดิม การควบคุมโรคจะได้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

         ด้านนายแพทย์นิทัศน์  รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  ในการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ เพื่อสามารถให้การดูแลประชาชนเป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข  ได้กำหนดแนวทาง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ด้านกำลังคน คือเร่งผลิตและพัฒนากำลังคน กำหนดให้เจ้าหน้าที่ 1 คนมีความสามารถในการดูแลประชาชน 1,250 คน  2.ด้านการพัฒนาศักยภาพ เร่งพัฒนาความสามารถของเจ้าหน้าที่ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3.ด้านขวัญกำลังใจ  จัดระบบค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหนักเกินค่ามาตรฐานงานคุณภาพที่กำหนด ซึ่งการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ 

           *********************************           11 มีนาคม 2556



   
   


View 8    11/03/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ