“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 137 View
- อ่านต่อ
วันนี้ (14 มีนาคม 2556 )นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดสัมมนาความพร้อมบริการสุขภาพไทย และผู้ประกอบวิชาชีพเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่โรงแรมเซนทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม. เกี่ยวกับการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในอาเซียนด้านการบริการสุขภาพว่า ไม่น่าจะมีอุปสรรคมาก แต่อาจจะมีข้อขัดข้องบ้างในการเตรียมความพร้อมบุคลากร สถานที่ และกลไกในการทำงานบางเรื่อง เช่น การรักษาพยาบาลแรงงานต่างด้าว ซึ่งบางส่วนเข้ามาอย่างไม่ถูกกฎหมาย ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาและได้ให้ความเห็นชอบให้สามารถรักษาแรงงานต่างด้าวได้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบว่าเป็นแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สำหรับเรื่องบุคลากร แพทย์ พยาบาลจะออกจากระบบไปอยู่ภาคเอกชนหรือต่างประเทศนั้น การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างๆเช่น หากแพทย์ พยาบาลจะไปทำงานที่สิงคโปร์ ก็จะมีข้อกฎหมายหรือข้อกำหนดของแต่ละประเทศรองรับด้วย มั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขจะสามารถควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์ชลน่าน ยังได้กล่าวถึงกรณีการต่อต้านการเข้าสู่อาเซียนว่าจะมีผลกระทบต่อบริการในประเทศนั้น ว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมไว้ถึงระดับชุมชน ให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิโอกาสเท่าเทียมกัน กรณีที่ต่างชาติจะมาเปิดกิจการด้านการรักษาพยาบาลในไทย ได้มีการกำหนดการถือหุ้นโรงพยาบาลและบริการสุขภาพด้านต่างๆ เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้เจรจากันไว้ในกรอบกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น การถือหุ้นบริการโรงพยาบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน ให้ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 70 ผู้ดำเนินการต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ มีใบอนุญาตดำเนินการไม่เกิน 1 แห่ง และต้องพำนักในประเทศไทย ด้านการบริการด้านทันตกรรม ตรวจรักษาทั่วไปและแพทย์เฉพาะทาง คนไทยยังเป็นหุ้นใหญ่อยู่ ให้อาเซียนถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49 เป็นต้น ดังนั้นเมื่อบริหารจัดการอย่างดี ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเรื่องการถูกแย่งงานแต่อย่างใด
“ขณะนี้ แพทย์เชี่ยวชาญระดับสูงหลายสาขาของไทย อยู่ในระดับแนวหน้าของอาเซียน เช่น โรคหัวใจ ศัลยกรรม ซึ่งทางด้านวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชน จะมีกระบวนการพัฒนาต่อยอดให้เกิดความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยไทยเป็นประเทศเดียวที่มีความโดดเด่นด้านการสาธารณสุขมูลฐาน จะมีการพัฒนาศักยภาพรองรับบริการพื้นฐานแก่กลุ่มคนที่ข้ามไปมาระหว่างชายแดนซึ่งมีจำนวนมาก เช่น ที่อ.แม่สาย รพ.แม่สายสามารถเก็บรายได้จากชาวพม่าที่ข้ามมารับบริการได้ โดยพัฒนาบริการความเป็นเลิศด้านต่างๆขึ้นมา ให้มีรายได้เข้าประเทศ โดยใช้กลไกการตกลงร่วมกัน ทั้งแรงงาน และคนที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทำแล้ว ผู้ที่เดินทางไปมา ต้องซื้อประกันสุขภาพ มีการเก็บค่าประกันและบริการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพ ซี่งไทยดำเนินการด้านนี้ได้โดดเด่นกว่าเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเฉพาะด้านสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว เนื่องจากผู้ให้บริการของไทยมีอัธยาศัยที่เป็นมิตร จึงมั่นใจว่าประเทศไทยจะเด่นที่สุดอาเซียน”นายแพทย์ชลน่านกล่าว
******************************* 14 มีนาคม 2556