กระทรวงสาธารณสุขไทย สนับสนุนองค์กรโลกในการต่อรองบริษัทผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์  เพื่อให้ไทยได้ใช้ยาราคาถูก  และหากขอสิทธิบัตรได้จะให้องค์การเภสัชกรรมไทยเป็นผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ราคาพิเศษด้วย  ส่วนสถานการณ์โรคเอดส์ล่าสุดในปี 2555 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด  34   ล้านคน เสียชีวิต 1.7 ล้านคน 
 
นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังปรึกษาหารือกับนาย เกรจ เพอร์รี่ ( Mr. Greg Perry) ผู้อำนวยการด้านการจัดการสิทธิบัตรยาขององค์การอนามัยโลกหรือองค์กร เมดดิซีน เพเทนท์ พูลส์ (Medicine patent pools) ว่า องค์กรนี้ก่อตั้งจากประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยตั้งเป็นองค์กรอิสระออกมา และได้รับเงินทุนจากรัฐบาล   มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลเรื่องยาต้านไวรัสเอดส์ /เอชไอวี  โดยทำการต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตยา เพื่อให้ได้สิทธิบัตรในการผลิตยาให้แก่กลุ่มประเทศที่มีความจำเป็นโดยสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสมตามกำลังฐานะของกลุ่มประเทศนั้นๆ  โดยองค์กรดังกล่าวสนใจที่จะให้ประเทศไทยเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย เนื่องจากมีบริษัทผลิตยา 2 บริษัท ได้แก่ บริสตัล มายเยอร์ และ  วีไอไอวี เฮลท์ แคร์ (ViiV Health Care) จะผลิตยารักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ออกมาสู่ท้องตลาดในราคาพิเศษ   โดยสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกในปี 2555 นี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี    34   ล้านคน  เสียชีวิตไปแล้ว   1.7    ล้านคน 
 
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า องค์กรฯดังกล่าวอยากให้ไทยแสดงเจตจำนงที่จะร่วมกับองค์กร เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับบริษัทยา   ซึ่งไทยได้ให้ความสนใจและยินดีสนับสนุน เพื่อให้มียาราคาถูกใช้ในประเทศ  และหากได้รับอนุญาตเรื่องสิทธิบัตร ประเทศไทยจะขอมีส่วนร่วมขอรับสิทธิในการผลิตยาราคาพิเศษเพื่อจำหน่ายภายใน ประเทศในราคาที่เหมาะสมด้วย โดยองค์การเภสัชกรรมไทยมีโรงงานที่ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ได้อยู่แล้ว หากเทคโนโลยีไปด้วยกันได้ ก็อยากจะผลิตยาที่ได้รับสิทธิบัตรนี้ด้วย  ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนไทยต่อไป
 
นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายนนี้  องค์กรเมดดิซีน เพเทนท์ พูลส์ จะมีการประชุมกับกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐานะปานกลาง (Middle Income) เพื่อจะให้กลุ่มประเทศเหล่านี้ซึ่งเป็นตลาดยาต้านไวรัสเอดส์ ในการให้อำนาจต่อรองในเรื่องนี้อย่างไร โดยจะขอเชิญประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งไทยยินดีจะส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อหารือวิธีการต่อรองไม่ให้กลุ่มประเทศเหล่านี้เสียเปรียบ ทั้งนี้ประเทศไทยมีระบบการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยผ่าน 3 กองทุนสุขภาพอยู่แล้ว การเข้าร่วมในครั้งนี้จะทำให้ไทยมีสิทธิได้รับยาในราคาพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในประเทศและจะมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งไทยได้แสดงเจตจำนงให้องค์การเภสัชกรรมไทยเป็นคู่แข่งที่จะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ผลิตยาเองด้วย ไม่ใช่ซื้อยาจากต่างประเทศเท่านั้น  
******************************** 21 พฤษภาคม 2556
 


   
   


View 10    21/05/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ