รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เชิญชวนชาวไทยใช้ฤกษ์วันวิสาขบูชา  เริ่มฝึกการทำสมาธิ ชี้ผลดีช่วยคลายเครียด คลายวิตกกังวล เกิดความคิดสร้างสรรค์  ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังที่มีสาเหตุจากความเครียดเช่นโรคความดันโลหิตสูง   และหากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอยู่แล้ว   เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ  ผลจากการทำสมาธิจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาของแพทย์ดีขึ้น

                นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข   ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันวิสาขบูชา  ซึ่ง เป็นวันพระใหญ่ ชาวไทยทุกคนนอกจากจะไปทำบุญตักบาตร  อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ในวันนี้ขอเชิญชวนประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใช้โอกาสวันสำคัญนี้  เริ่มต้นฝึกทำสมาธิ (Meditation) ซึ่งเป็นเทคนิคของการผ่อนคลายความเครียด เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่ามีผลดีต่อสุขภาพ   กำลังได้รับความนิยมจากชาวตะวันตก ผลการศึกษาวิจัย ให้ผลตรงกันว่า การทำสมาธิ จะช่วยให้คลื่นสมองที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย  ทำงานเป็นระเบียบขึ้นและหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้ร่างกายสดชื่น จิตใจสงบ มองโลกในแง่ดี ไม่ฟุ้งซ่าน ลดความเครียด  เป็นคนมีเหตุผล และมีความคิดสร้างสรรค์  ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อการงานและการเรียน

                นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า   เมื่อจิตใจของคนเราสงบ ไม่เครียดแล้ว  จะสามารถป้องกันการเกิดโรคทางกายที่มีสาเหตุจากความเครียดทางอารมณ์ได้เช่นกัน  โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่คนไทยป่วยกันมากในขณะนี้คือเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร รวมทั้งมะเร็งด้วย  เนื่องจากอวัยวะต่างๆในร่างกาย ไม่ทำงานหนักหรือทำงานผิดปกติ   ขณะนี้ในต่างประเทศได้นำสมาธิมาใช้ในในโรงพยาบาล ดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่อยู่ระยะสุดท้ายของชีวิต รวมทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดลง  เพื่อช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ผลการศึกษาพบว่าการทำสมาธิทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีบางอย่างในร่างกาย  และเกิดการผ่อนคลาย    ทำให้ความดันโลหิตลดลง และชีพจรเต้นช้าลง เชื่อว่าหากคนไทยหันมาทำสมาธิกันมากขึ้นและปฏิบัติเป็นการประจำ   เราจะสามารถเอาชนะโรคเครียด ซึ่งเป็นโรคที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงทั่วโลกขึ้นในปี 2563 ได้  และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังของไทย ที่ต้องกินยาควบคุมอาการ  ได้ผลดียิ่งขึ้น 

                ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับทั่วประเทศ  ใช้เสียงตามสาย ประชาสัมพันธ์วิธีการฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานง่ายๆ ให้แก่ผู้ป่วยและญาติ  เพื่อรู้จักวิธีการทำสมาธิระหว่างรอรับบริการ ซึ่งใช้เวลาไม่มาก   

                ทางด้านนายแพทย์เทวัญ   ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า หลักของการทำสมาธิ คือการเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจใช้การนับลมหายใจเข้าออกเป็นหลักก็ได้   ขณะปฏิบัติ  ให้ยุติการคิดเรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง   การฝึกทำสมาธิ ควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน   เริ่มจากวันละ 5 นาที และค่อยๆเพิ่มขึ้นในวันต่อๆไป    หากปฏิบัติเป็นประจำ จะทำให้จิตใจเบิกบาน อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส หายเครียด  ควรฝึกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะก่อนนอน   จะช่วยให้นอนหลับได้ดี ไม่มีฝันร้ายด้วย     

******************************  24 พฤษภาคม 2556



   
   


View 9    24/05/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ