กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันที่ 6 มิถุนายน 2556 นี้ ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพราะอาจติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากร่างกายอ่อนแอกว่าคนปกติ ยืนยันไม่ปิดกั้นการชุมนุม แต่ขอให้อยู่ในทิศทางเพื่อการพัฒนาระบบบริการประชาชนให้ดีขึ้น และถ้าเป็นไปได้ขอให้ใช้ช่องทางที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดไว้ให้

          นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข  สาธารณสุขนิเทศก์ เพื่อหารือกรณีที่ชมรมแพทย์ชนบท สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคมะเร็ง โรคธาลัสซีเมีย และโรคหัวใจ ได้นัดหมายชุมนุมที่บริเวณหน้าบ้านพักของ นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 6 มิถุนายน 2556 ว่า กระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารระดับสูงทุกคน มีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในสุขภาพของตนเองด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายอยู่แล้ว
 
          กรณี ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่จะมาร่วมชุมนุมและทำการล้างไตทางหน้าท้องด้วยนั้น แม้จะเป็นไปด้วยความสมัครใจ แต่จำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นประการแรก เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และการล้างไตทางหน้าท้องนอกสถานที่ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรล้างไตบริเวณที่ชุมนุมในวันดังกล่าว แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์ก็ตาม เพราะหากผู้ป่วยติดเชื้อ จะเพิ่มความสูญเสียทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียเวลาของญาติ ที่สำคัญอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
 
          นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ หากกลุ่มแพทย์ชนบทและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ยังคงที่จะดำเนินการชุมนุมในวันที่ 6 มิถุนายน 2556 กระทรวงสาธารณสุขก็จะไม่ปิดกั้นการแสดงออกดังกล่าว เพราะเป็นการแสดงความคิดตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้เป็นการกระทำที่อยู่ในทิศทางเพื่อพัฒนาระบบบริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอให้ใช้ช่องทางที่กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดไว้ให้
 
          สำหรับประชาชนทุกคน ขออย่าได้วิตกกังวลกับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น เพราะกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนที่มารับบริการในสถานบริการทุกแห่ง โดยโรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขยังมีบุคลากรส่วนใหญ่ให้บริการตามปกติ ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับกรณีขององค์การเภสัชกรรม แม้จะมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร แต่ระบบการบริหารจัดการ การจัดหายาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ยังดำเนินไปตามปกติ จึงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อประชาชนทั้งสิ้น
 
******************************************* 29 พฤษภาคม 2556


   
   


View 14    29/05/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ