โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์จ.อุบลราชธานี จัดโครงการความร่วมมือพัฒนาระบบการรักษาผู้ป่วยโรคนิ่วถุงน้ำดี  ไส้เลื่อน โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาผ่านทางกล้อง ให้แก่ทีมแพทย์โรงพยาบาลจำปาสัก สปป.ลาว ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนลาว ขนาดแผลเล็กกว่าผ่าตัดทั่วไป นอนโรงพยาบาลแค่ 2-3 วัน ต่อปีพบว่าประชาชนลาวข้ามไปรักษาที่ฝั่งไทยมากกว่า 1,500 ราย ในจำนวนเป็นนิ่วถุงน้ำดีต้องผ่าตัดรักษา 328 ราย

นายแพทย์ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเขตบริการสุขภาพที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดบริการสาธารณสุขตามแนวชายแดนว่า ในด้านของจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของสปป.ลาว กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ มีความเชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือในการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของโรงพยาบาลจำปาสัก  ซึ่งให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนประมาณ 6,000,000 คน ร่วมกับภาครัฐและเอกชนของสปป.ลาว ให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการรักษาโรคต่างๆสูงขึ้น 
นายแพทย์ทวีเกียรติ กล่าวต่อว่า ในปี 2556 นี้ได้จัดโครงการความร่วมมือทางวิชาการ ผ่าตัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscope) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ และการผ่าตัดไส้เลื่อน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ยกทีมงานพร้อมเครื่องมือผ่าตัด ไปทำผ่าตัดผู้ป่วยรวมจำนวน 27 ราย ร่วมกับทีมแพทย์ของสปป.ลาวที่โรงพยาบาลจำปาสัก  การรักษาได้ผลดี ผู้ป่วยพึงพอใจมาก เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก แค่ 1-2 เซ็นติเมตรเท่านั้น ทำให้ไม่เจ็บแผลมาก เสียเลือดระหว่างการผ่าน้อย ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว โดยหลังผ่าตัดนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลแค่ 2-3 วันก็สามารถกลับบ้านได้ แต่หากเป็นการผ่าปกติจะมีแผลผ่าตัดประมาณ 10 เซ็นติเมตรและต้องนอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 7 วัน หากโรงพยาบาลจำปาสักสามารถให้บริการได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่ารักษาให้ผู้ป่วยสปป.ลาวได้ปีละประมาณ 24 ล้านบาท     
ทางด้านนายแพทย์ชลิต ทองประยูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนจากสปป.ลาวเดินทางเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เฉลี่ยปีละ 1,580 คน และมีผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีมารับการผ่าตัดเฉลี่ย 328 รายต่อปี คิดเป็นร้อยละ 21 ของผู้ป่วยลาวที่มารับบริการทั้งหมดส่วนใหญ่จะให้การรักษาฟรี เนื่องจากผู้ป่วยสปป.ลาวฐานะค่อนข้างยากจน โดยโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จะจัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาโรคนิ่วถุงน้ำดีครั้งที่ 2 ในช่วงปลายปีนี้      
  ทั้งนี้ โรคนิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากการตกตะกอนของคลอเรสเตอรอล(Cholesterrol) หรือเกลือต่างๆที่มีสูงเกินไป ทำให้ทางเดินของน้ำดีอุดตัน น้ำดีไม่สามารถไหลออกสู่ลำไส้เพื่อย่อยไขมันและอาหารได้  ทำให้เกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และอุจาระมีสีขาว ซึ่งการรักษาบางรายอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่หากเป็นรายที่มีอาการต้องได้รับการผ่าตัดก็จะมี 2 วิธีคือ การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง และการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง แพทย์จะเจาะหน้าท้องผู้ป่วยเป็นแผลเล็กๆ 2-3 จุด ส่วนการเลือกที่จะใช้วิธีใดในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั่วไป หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัดของไทยส่วนใหญ่ ก็สามารถทำการผ่าตัดได้เป็นเรื่องปกติ แต่หากเป็นสปป.ลาวยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก นายแพทย์ชลิตกล่าว
********************* 30 มิถุนายน 2556


   
   


View 14    30/06/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ