สาธารณสุข จัดอบรมสร้างผู้นำกลุ่มและเครือข่ายสุขภาพ ตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโรคกาฬหลังแอ่น แก่ชาวไทยมุสลิมกว่า 13,000 คน ก่อนไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะ ประจำปี 2556   พร้อมจัดระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 เต็มที่ ทั้งก่อนไปและหลังกลับ

                วันนี้ ( 30 มิถุนายน 2556) ที่ศาลากลาง จังหวัดนราธิวาส นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเครือข่ายบริการสุขภาพที่ 12 และนายซาฟีอิ เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส เปิดงานมหกรรมส่งเสริมสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2556 เพื่ออบรมให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน และอบรมผู้นำกลุ่มหรือแซะห์ แจกสมุดบันทึกประวัติสุขภาพ มอบกระเป๋ายาเวชภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อป้องกันโรค 
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในปี 2556 นี้ มีชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย 13,000 คน ซึ่งร้อยละ 80 อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภายใต้   ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินทางในเดือนกันยายน กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้การดูแลสุขภาพทั้งสุขภาพกายและใจอย่างเต็มที่ โดยก่อนไปได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด จัดคลินิกบริการตรวจสุขภาพ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เช่นตรวจความดันโลหิต โรคเบาหวาน โรคหัวใจและจัดเตรียมยาประจำตัวให้พร้อม และฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบียกำหนด คือวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (Influenza) และวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal meningitis) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ผู้แสวงบุญ    เนื่องจากผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ที่เมืองเมกกะ ในแต่ละปีมี มาจากหลายเชื้อชาติ ทุกภูมิภาคของโลกจำนวนประมาณ 3ล้านคน และจะต้องอาศัยอยู่รวมกันจำนวนมากเป็นเวลานานในสถานที่จำกัดโรคจึงมีโอกาสระบาดขึ้นได้ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ซึ่งพบมากที่สุด   โดยกระทรวงสาธารณสุขจะส่งทีมแพทย์พยาบาลไทยจำนวน 42 คน แบ่งเป็น 3 ทีม ไปให้การดูแลรักษาพยาบาลชาวไทยมุสลิมตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย
            นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า เรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงและได้วางระบบการป้องกันไว้อย่างต่อเนื่องคือ โรคทางเดินหายใจรุนแรงจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 หรือเมิร์ส ( MERS) ซึ่งพบในพื้นที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 เป็นต้นมา แม้ว่าในประเทศไทยขณะนี้จะยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวก็ตาม   สถานการณ์ยังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยจนถึงล่าสุด 26 มิถุนายน 2556 องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วย 77 ราย 8 ประเทศ เสียชีวิต 40 ราย   ทั้งผู้ป่วยและเสียชีวิตประมาณร้อยละ 80 อยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อความไม่ประมาท ได้ให้กรมควบคุมโรคแจกเจลล้างมือแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยเพิ่มและสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีผู้เดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ ซึ่งมีประมาณ 53 จังหวัด จัดระบบการดูแลทั้งก่อนไปและกลับ เพื่อติดตามเฝ้าระวังโรคทุกคนหลังเดินทางกลับมาแล้วเป็นเวลา 15 วัน  
ทางด้านนายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเครือข่ายบริการสุขภาพที่ 12 กล่าวว่า โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอบรมผู้นำกลุ่มในการเดินทางหรือ ที่เรียกว่าแซะห์ ให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข หรืออสม.ฮัจย์ รวมทั้งหมด 450 คน เป็นเครือข่ายดูแลสุขภาพผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ซึ่งจะอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบียประมาณ และมอบกระเป๋ายาเวชภัณฑ์พื้นฐาน เช่นชุดทำแผล ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้แพ้ ยาแก้เมารถ ยาแก้ปวดศีรษะ หน้ากาอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น  
มิถุนายน7/3 ******************************    30 มิถุนายน 2556


   
   


View 20    30/06/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ