กระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าอาการป่วยของกลุ่มซาไก ในพื้นที่ จ.สตูล ที่มีอาการสงสัยเป็นโรคไข้ไทฟอยด์ ในวันนี้แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วย 3 รายที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทุ่งหว้า กลับบ้านได้  และรอผลตรวจยืนยันเชื้อ จะทราบผลอีก 1-2 วันนี้ ส่วนในหมู่บ้าน  ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเฝ้าระวังต่อเนื่องอีก 7 วัน   ชี้โรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นบางพื้นที่   ป่วยแล้วให้พบแพทย์ มียารักษาหายขาด

          วันนี้ (16 กรกฎาคม 2556) นายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเครือข่ายบริการที่ 12 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ หลังพบกลุ่มซาไก ใน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ป่วย 3 ราย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทุ่งหว้า ว่า  ผู้ป่วยทั้ง 3 ราย ผลการตรวจเบื้องต้น แพทย์สงสัยป่วยเป็นไข้ไทฟอยด์ ขณะนี้รักษาตัวหายแล้ว แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านทั้งหมดแล้วเมื่อเช้าวันนี้ และได้ส่งตัวอย่างเลือด อุจจาระของผู้ป่วยส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สงขลา จะทราบผลใน 1-2 วันนี้  เพื่อยืนยันว่าเป็นไข้ไทฟอยด์หรือไม่ ขณะเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล เข้าไปควบคุมโรคในพื้นที่ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม โดยให้เฝ้าระวังต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน

          ทางด้านนายแพทย์ประภาส วีระพล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล กล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการควบคุมโรคในที่พักของกลุ่มซาไก ที่บ้านธารปลิว เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2556  มีทั้งหมด 3 หรือกลุ่มบ้าน หรือที่เรียกว่าทับ จำนวน  49  คน พบว่าสาเหตุการป่วยครั้งนี้ เกิดมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยมีผู้ป่วยทั้งหมด 12 ราย  แพทย์ตรวจรักษาและกลับบ้านได้ 9 ราย รับตัวรักษาในโรงพยาบาลทุ่งหว้า 3 ราย  ทั้ง 3 รายนี้ พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เริ่มมีอาการป่วยด้วยอาการไข้  ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาเจียน มวนท้อง  ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฏาคม 2556 ขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการควบคุมโรคได้ทั้งหมด ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม  โดยได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรืออสม. แนะนำเรื่องการดูแลความสะอาดร่างกาย น้ำ อาหาร ให้คำแนะนำ หากมีอาการป่วย ให้แจ้ง อสม. หรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อส่งรักษาตัวในสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดและยาใช้ได้ผลดี

          สำหรับโรคไข้ไทฟอยด์ เป็นโรคที่ติดเชื้อทางเดินอาหารและน้ำ  เกิดจากเชื้อ แบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า ซาลโมเนล่า ไทฟี (Salmonella Typhi) เป็นโรคที่พบได้น้อยมากในประเทศไทยและเป็นโรคเฉพาะถิ่น  มักเกิดอยู่ตามป่าเขา การติดเชื้อเกิดจากการรับประทานอาหาร กินผักดิบ หรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด หลังติดเชื้อประมาณ 8-14 วัน  จะมีไข้สูงลอยเป็นระยะเวลานาน ปวดศีรษะ  และหนาวสั่น เบื่ออาหาร ท้องอืดมาก  ปวดท้องหลายวันจึงจะถ่ายอุจจาระ  ลักษณะอุจจาระจะเหลว มีกลิ่นเหม็น  ลักษณะพิเศษของโรคนี้ จะเห็นได้ชัดเจนคือ จะมีจุดแดงๆ ขึ้นตามผิวหนัง เรียกว่า ผื่นกุหลาบ หรือ โรสสปอต (rose spots) โรคนี้มียารักษาหายขาด ยาที่ใช้ขณะนี้ยังใช้ได้ผลดี  

          นายแพทย์ประภาสกล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ ให้ประชาชนยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้าง มือ  โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร ถ่ายอุจจาระลงส้วม และกำจัดอุจจาระอย่างถูกวิธี  กรณีที่มีไม่ส้วม  ขอให้ใช้วิธีฝังกลบ  และแหล่งฝังจะต้องอยู่หางจากแหล่งน้ำดื่มประมาณ 30 เมตร ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก กำจัดขยะให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงวันตอม และน้ำเชื้อไปแพร่ในอาหารได้ 

                                 **************************************      16 กรกฎาคม 2556          



   
   


View 11    16/07/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ