รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จัดระบบเฝ้าระวังผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่วในทะเล จังหวัดระยอง ทั้งสุขภาพประชาชน และปัญหาสารก่อมะเร็ง โลหะหนักเช่น ปรอท ตะกั่ว ปนเปื้อนในน้ำและอาหารทะเลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ   แนะประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสคราบโคลนที่ชายหาด โดยเฉพาะ 4 กลุ่มที่ต้องระมัดระวังพิเศษได้แก่ หญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี  ผู้สูงอายุ   และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ  หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจติดขัด แน่นหน้าอก แสบตา วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ขอให้รีบพบแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง   โดยในระยะเร่งด่วนนี้ได้จัดหน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น แจกประชาชนป้องกันการสูดดมไอระเหย  ในเบื้องต้นพบผู้มีอาการผิดปกติแล้ว 4 ราย 

นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมเดินทางไปเยือนประเทศโมซัมบิก อูกานดา ร่วมกับนายกรัฐมนตรี  เกี่ยวกับกรณีปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันดิบลงในทะเล ที่จังหวัดระยอง ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง  โดยเฉพาะผลกระทบทางสุขภาพประชาชนจากการสูดกลิ่นหรือสัมผัสกับสารโดยตรง  รวมทั้งเฝ้าระวังการปนเปื้อนในอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ  จากการวิเคราะห์ข้อมูลรายงานหลังเกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลของประเทศต่างๆที่ผ่านมา  มีการตรวจพบสารพาห์ ( Polyacyclic aromatic hydrocarbon: PAH ) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง  ปนเปื้อนในอาหารทะเลสูงกว่าค่าพื้นฐานที่เคยตรวจพบ  แสดงถึงการปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และยังมีการตรวจพบโลหะหนัก เช่น สังกะสี แมงกานีส สารหนู ตกค้างในตะกอน สัตว์ทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคได้ ดังนั้นหากมีการเก็บกู้ได้เร็วและดำเนินการถูกวิธี ก็จะลดผลกระทบดังกล่าวได้ 
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อไปว่า ในระยะเร่งด่วนนี้  กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง  สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ร่วมประเมินผลกระทบและวางแผนการดำเนินงานในการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนในพื้นที่ทั้งระยะเร่งด่วนและในระยะยาว โดยในระยะเร่งด่วนนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดจุดตั้งรับที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) เกาะเสม็ด  ในเบื้องต้นได้รับรายงานมีผู้ป่วยเป็นชาวบ้านอ่าวพร้าว  มารับบริการจำนวน 4 ราย มีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ    ทั้งนี้หากประเมินแล้วพบว่ามีผลกระทบวงกว้าง ก็อาจพิจารณาจัดเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนให้ทั่วถึง    และสั่งการให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดชลบุรี ดำเนินการเฝ้าระวังการปนเปื้อนอาหารทะเล เช่น ปลา ปู หอย  โดยเก็บตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูการปนเปื้อนสารโลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว รวมทั้งตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทะเล อย่างต่อเนื่อง  เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชน
นายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า   กลุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และมีโอกาสสัมผัสกับสารปนเปื้อน  แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้กู้ภัย กู้สถานการณ์ ที่อาจสัมผัสกับสารปนเปื้อนโดยตรงทั้งทางการหายใจ และทางผิวหนัง   2.กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดการปนเปื้อน  และ3.กลุ่มประชาชนผู้บริโภคทั่วไป จะมีความเสี่ยงในเรื่องของการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน  จึงขอแนะนำให้ผู้ที่ทำหน้าที่กู้ภัย ควรป้องกันตนเอง โดยสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัยป้องกันการสูดกลิ่นเข้าสู่ระบบหายใจ สวมชุดป้องกันที่เหมาะสม เพื่อลดการรับสัมผัสกับสารเคมี /ในกลุ่มผู้ที่อาศัยในบริเวณที่เกิดการปนเปื้อน ขอให้หลีกเลี่ยงเข้าไปในบริเวณที่ปนเปื้อน หากมีคราบเปื้อนที่ผิวหนัง ควรล้างทำความสะอาด   รวมถึงให้ดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้าใกล้บริเวณที่ปนเปื้อนน้ำมันด้วย
                
ทางด้านดร.นายแพทย์พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับกลุ่มประชาชนที่ต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ มี 4 กลุ่มได้แก่ หญิงตั้งครรภ์  กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ  กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ได้แก่ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง  เนื่องจากจะได้รับผลกระทบได้ง่ายและเร็วกว่ากลุ่มอื่น  ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีคราบน้ำมันเหล่านี้ ควรอยู่ห่างประมาณ 500 เมตรและอยู่เหนือลม  โดยในเบื้องต้นนี้กรมควบคุมโรคได้จัดส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 20,000 ชิ้น มาแจกประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เช่นที่เกาะเสม็ด เป็นต้น 
          
นายแพทย์พรเทพ กล่าวต่อว่า ผลกระทบของน้ำมันดิบที่รั่วไหล จะมีผลทั้งต่อระบบทางเดินหายใจ  ระบบประสาท   ระบบผิวหนัง   หากประชาชนมีอาการผิดปกติ ได้แก่ หายใจขัด แน่นหน้าอก หายใจหอบ วิงเวียนศีรษะ ระคายเคืองตา แสบตา คลื่นไส้อาเจียน  ขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง   สำหรับการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพครั้งนี้  จะมีการสำรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ เช่นที่เกาะเสม็ด  เพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง 
                                
*****************************************      30 กรกฎาคม 2556


   
   


View 13    30/07/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ