กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เตรียมจัดซ้อมแผนรับมือโรคทางเดินหายใจรุนแรงจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 หรือเมิร์ส วันที่ 6 - 9 กันยายน 2556  ระหว่าง 22 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉิน ทั้งการประสานงาน การสื่อสารความเสี่ยง ด้านการแพทย์และการควบคุมโรค ขณะนี้ได้จัดระบบดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปแสวงบุญพิธีฮัจย์ ประเทศซาอุดิอาระเบียในปี 2556 อย่างครบวงจร ทั้งก่อนไป ขณะร่วมพิธี และหลังเดินทางกลับประเทศ

นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการในการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย  ว่า เนื่องจากขณะนี้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโคโร่นาไวรัสสายพันธุ์ 2012 หรือเมิร์ส (MERS) ซึ่งก่อให้เกิดโรคทางเดินหายเฉียบพลันรุนแรงคล้ายโรคซาร์ส ตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 เป็นต้นมา และกระทรวงสาธารณสุขของประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้มีคำแนะนำให้ผู้แสวงบุญฮัจย์จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีสุขภาพไม่ดีเลื่อนการเดินทางไปก่อน 1 ปี ซึ่งในส่วนของไทยจากการติดตามสถานการณ์โรคนี้ แม้ว่าโดยทั่วไปยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศก็ตาม แต่จะประมาทมิได้ เนื่องจากไวรัสชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงต้องใช้ระบบการเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ เพื่อตรวจจับสัญญาณของโรคและควบคุมได้อย่างทันท่วงที 

นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดซ้อมแผนรับมือเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การระบาดโรคฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 22 หน่วยงาน อาทิ มหาดไทย กทม. กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงต่างประเทศ เป็นต้น ในวันที่ 6-9 กันยายน 2556 เป็นการซ้อมแผนปฏิบัติการบนโต๊ะ (Table top exercise) ภายใต้การจำลองสถานการณ์เสมือนจริง เพื่อซักซ้อมระบบการประสานงานสั่งการทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ การควบคุมการแพร่เชื้อในโรงพยาบาลและในระดับชุมชน ขณะนี้ได้เน้นย้ำบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ให้มีการป้องกันตนเองขณะให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โดยสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือสบู่บ่อยๆ ด้วย เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้อในระดับสากล 

ด้านนายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการจัดระบบการดูแล สุขภาพของชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปี 2556 นี้ ซึ่งมีจำนวน 13,000 คน และจะเริ่มเดินทางในเดือนกันยายน 2556เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขได้วางมาตรการดูแล 3 ระยะ กล่าวคือ ระยะก่อนเดินทางได้เตรียมความพร้อมให้ผู้แสวงบุญ โดยตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคสำคัญ 2 โรคฟรี ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (Seasonal Influenza Vaccine) และวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Vaccine) ครบ 100 เปอร์เซนต์ และจัดหน่วยแพทย์พยาบาลไทยอีก 3 ทีม พร้อมเครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรคที่จำเป็น ติดตามให้บริการดูแลรักษาพยาบาลชาวไทยมุสลิมที่ประเทศซาอุดิอาระเบียตลอด 24 ชั่วโมงด้วย   

ส่วนระยะกลับจากการแสวงบุญแล้ว ได้วางระบบการเฝ้าระวังโรคติดตามให้การดูแลสุขภาพของผู้แสวงบุญ โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีผู้เดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ ซึ่งมีประมาณ 53 จังหวัด ติดตามเฝ้าระวังอาการป่วยผู้แสวงบุญทุกคนเป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุดถึงวันที่ ล่าสุด 1 สิงหาคม 2556 องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยจากเชื้อโรคโรน่าไวรัสทั้งหมด 94 รายใน 9 ประเทศ ได้แก่ จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส ตูนีเซีย เยอรมนี และอิตาลี มีผู้เสียชีวิต 46 ราย ทั้งผู้ป่วยและเสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย        

*************************************************  9 สิงหาคม 2556

 



   
   


View 16    09/08/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ