กระทรวงสาธารณสุข ย้ำทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ ต้องร่วมมือร่วมใจกำจัดลูกน้ำยุงลายต่อเนื่อง โดยจับมือกระทรวงมหาดไทยรณรงค์กำจัดยุง ลูกน้ำยุงลายทุกหมู่บ้านทุกสัปดาห์ ย้ำประชาชนทุกเพศทุกวัยที่เป็นไข้สูง 1 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ปวดท้อง อาเจียน หรืออุจจาระเป็นสีดำ ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจได้รับยาแก้ปวดลดไข้อย่างแรง ทำให้เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร  และหากเป็นไข้เลือดออกจะทำให้เลือดออกมากขึ้นเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้  

นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงมีฝนตกชุก ทำให้ยุงลายแพร่พันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง  จากการประเมินสถานการณ์โรคไข้เลือดออกสัปดาห์ที่ผ่านมา  แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยแต่ละจังหวัดยังคงที่ มีบางพื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น จากการตรวจประเมินลูกน้ำยุงลายยังพบว่าตามภาชนะที่มีขังน้ำที่อยู่ตามบ้านเรือน วัด และโรงเรียนประมาณร้อยละ 27-64   แสดงถึงว่ายุงลายยังมีการแพร่พันธุ์ต่อเนื่องและลูกน้ำยุง มีโอกาสโตเป็นตัวยุงบินไปกัดประชาชนได้ตลอด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก    
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้สถานบริการในสังกัดและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ร่วมมือกับทุกฝ่ายควบคุมจำนวนลูกน้ำยุงลาย เพื่อลดป่วยลดการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง คาดว่าโรคจะคงระบาดต่อไปอีก  1-2 เดือน กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดณรงค์ให้ประชาชนทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ร่วมมือร่วมใจกันกำจัดลูกน้ำยุงลายตัวการนำโรค ติดต่อกันทุกสัปดาห์ โดยกำจัดขยะที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้อย่างสม่ำเสมอเช่น ภาชนะต่างๆที่ไม่ใช้แล้ว ทั้งในบริเวณรอบๆบ้าน วัด โรงเรียน รวมถึงสถานที่สาธารณะอื่นและภาชนะขังน้ำในบ้านด้วย
 
ด้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ไข้เลือดออกพบในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่มากขึ้น รวมทั้งผู้สูงอายุพบได้ประมาณร้อยละ 20-40 แต่เป็นเรื่องที่น่าห่วงเพราะผู้ใหญ่มักจะมีโรคประจำตัว และบางรายอาจมีเพียงอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ทำให้คิดว่าเป็นไข้ทั่วๆไป ไม่ยอมไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล มักจะไปซื้อยาลดไข้แก้ปวดที่ร้านขายยามารับประทานเอง และได้รับยาพาราเซตามอลพร้อมกับยาลดไข้ชนิดแรงเช่น ยาไอบูโปรเฟนมาด้วย ซึ่งยาแก้ปวดลดไข้ชนิดแรงนี้ หากผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้วหรือแม้แต่คนทั่วไป เมื่อรับประทานยานี้เข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร จนเยื่อบุกระเพาะมีการอักเสบ เป็นแผล และอาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งหากผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกด้วย ยาตัวนี้จะทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารมากขึ้น ทำให้เสี่ยงอันตรายต่อการเสียชีวิต ดังนั้นจึงขอย้ำเตือนประชาชนทุกเพศทุกวัย หากเป็นไข้  ยาที่รับประทานเพื่อลดไข้ในช่วงที่มีไข้สูง ขอให้ใช้เฉพาะยาพาราเซตามอลเท่านั้น  ให้รับประทานทุก 6 ชั่วโมง และเช็ดตัวบ่อยๆ หากครบ  24-48 ชั่วโมงแล้วไข้ไม่ลด ปวดท้อง อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที                     
                              
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขสุขจังหวัดทั่วประเทศ ทำหนังสือขอความร่วมมือร้ายขายยาทุกแห่งในจังหวัด ให้พิจารณาเรื่องการจ่ายยาลดไข้ และขอให้ซักประวัติผู้ป่วยร่วมด้วย รายที่สงสัยอาจเป็นไข้เลือดออก ให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ป้องกันการเสียชีวิต
*************************************  18  สิงหาคม 2556


   
   


View 9    18/08/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ