ปลัดสธ.ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของสธ.ในปีงบประมาณ 2557 เพิ่มประสิทธิภาพระบบ
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของหน่วยงานในสังกัดในปีงบประมาณ 2557 ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด โดยแบ่งการจัดบริการออกเป็นเขตสุขภาพมี 12 เขตทั่วประเทศ และกทม. มีคณะกรรมการบริหารเขตขับเคลื่อน โดยใช้หลักบริหารและจัดบริการร่วม ทั้งกำลังคน แผน งบประมาณ มีตัวชี้วัดการทำงานชัดเจน ส่วนในระดับกระทรวงคือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะเพิ่มบทบาทการเป็นผู้กำหนดนโยบายสุขภาพระดับชาติ พร้อมเริ่ม 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป
วันนี้ (11 กันยายน 2556) นายแพทย์ณรงค์ สหมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในงานประชุมวิชาการประจำปี 2556 ที่โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น ว่า วันนี้เป็นการประชุมวิชาการประจำปีของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องที่เป็นกรอบของการประชุมวันนี้คือการพัฒนาและปรับปรุงกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้คนไทยสุขภาพดี เป้าหมายการทำงานในปี 2557 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป ได้ปรับวิธีการทำงานใหม่ภายใต้โครงสร้างเดิม โดยจะจัดบริการออกเป็นเขตสุขภาพ (service provider) แบ่งออกเป็นทั้งหมด 12 เขต และกทม.
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า สิ่งที่เขตบริการสุขภาพต้องทำคือ การจัดบริการร่วมกัน และการบริหารจัดการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมของแต่ละเขต โดยจะมีการแยกบทบาทของผู้บริหารเขต และบทบาทการกำกับติดตามออกจากกัน เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในระบบสุขภาพให้มากที่สุด เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณปี2557 จะใช้ระบบจัดสรรลงไปให้ทั้งเขต เพื่อนำไปจัดบริการและบริหารร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีประโยชน์กว่าจัดสรรแบบแยกเป็นส่วนๆ และกำหนดมาจากส่วนกลาง โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดประเมินผลอย่างชัดเจน ซึ่งจะหารือในสัปดาห์หน้า
เมื่อแบ่งหน้าที่การทำงานให้เขตแล้ว จะแบ่งอำนาจของปลัดกระทรวงไปให้กับผู้บริหารเขต พร้อมทั้งทีมบริหารจัดการ กรรมการบริการระดับเขต ที่เรียกว่าคณะกรรมการจัดบริการระดับเขตหรือเซอร์วิส โพรวายเดอร์ บอร์ด (Service provider board) ของเขตด้วย เนื่องจากมีประเด็นการตัดสินใจหลายเรื่อง เพื่อให้สามารถมาปรับใช้กับกับพื้นที่อย่างครบวงจร เช่นพื้นที่กันดาร ผู้ที่รู้ดีที่สุดคือผู้ตรวจราชการและทีมที่อยู่ในพื้นที่ จะต้องควบคู่กันไปกับการกำหนดค่าตอบแทนต่างๆ ด้วย ซึ่งจะทำให้เขตสามารถดูแล บริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ควบคู่ไปกับการเกิดประโยชน์ต่อข้าราชการและลูกจ้างให้ดีที่สุด และมีระบบติดตามประเมินผลตามหลักการบริหารทั่วไป
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มบทบาท คือบทบาทของการเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านสุขภาพระดับชาติ (National Health Authority) จากเดิมที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ทำบทบาทนี้มาก่อน เพื่อใช้อำนาจหน้าที่รวมถึงกลไกของภาครัฐ หรือการวางทิศทางนโยบายสุขภาพระดับประเทศ เพื่อให้การจัดบริการของหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานอื่นๆสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน
********************************11 กันยายน 2556