กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนดูแลสุขภาพในช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวาย เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง เสี่ยงป่วยไข้หวัดง่าย หากป่วยแล้วเสี่ยงเกิดโรคแทรกง่าย ที่อันตรายคือโรคปอดบวม หากป่วยเป็นไข้หวัด 3 วันแล้วไข้ยังไม่ลง ไอถี่ขึ้น หายใจหอบ น้ำมูกเปลี่ยนสี ขอให้รีบพบแพทย์ ผลการเฝ้าระวังในช่วงฤดูฝน 5 เดือนตั้งแต่พฤษภาคม–กันยายน 2556 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยปอดบวม 63,037 คน เสียชีวิต 283 คน ร้อยละ 70 เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก

นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้บางพื้นที่อากาศเริ่มหนาวเย็น และบางพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนทั่วไป  โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ไตวาย เป็นต้น เสี่ยงป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจได้ง่าย ที่พบมากเช่นไข้หวัด และที่น่าห่วงก็คือโรคปอดบวม ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนที่มักเกิดตามมาหลังจากเป็นไข้หวัด มักพบมากในช่วงฤดูฝน และช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยโรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโรคติดเชื้อทั้งหมด ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากมีโรคเรื้อรังควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

จากการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วงฤดูฝน 5 เดือนในปี 2556 นี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวม 63,037 คน เสียชีวิต 283 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก แม้ว่าสถานการณ์ยังไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมาแต่ปีนี้มีระยะเวลาฤดูฝนนานอาจทำให้มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจได้ง่าย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ประชาชน ระมัดระวังโรคหน้าฝนในพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ให้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เข้าไปดูแลสุขภาพประชาชนที่ประสบภัยอย่างทั่วถึง      

 ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคปอดบวมเป็นโรคติดเชื้อที่มีอันตราย มีความรุนแรงสูง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 78 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่นแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมจะมีอาการไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก และเหนื่อยง่ายมักจะเกิดตามหลังป่วยโรคไข้หวัดประมาณ 3 วัน ประชาชนสามารถสังเกตอาการโรคนี้ง่ายๆ คือ ไข้มักจะไม่ลง ไอมาก ไอถี่ขึ้น หายใจหอบ น้ำมูกจะเปลี่ยนสีไปจากเดิมคือจากสีใส เป็นสีขุ่นข้น เขียว ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคปอดบวมได้แก่ ไข้สูง เด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำกินนม ไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม หากมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆ จะน้อยลง 

ในการป้องกันโรคปอดบวม ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าหลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น เนื่องจากในผักและผลไม้สดจะมีวิตามินซี สร้างภูมิต้านทานโรคได้  พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีและใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย และใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ถ้าเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนแออัด หมั่นล้างมือให้สะอาดภายหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ป่วย ผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล**ตุลาคม5/2  ********23 ตุลาคม 2556



   
   


View 9    23/10/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ