วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2556) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ  นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   นต.นพ.บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ   นายธาริต  เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา  แถลงข่าวภายหลังร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการประสานงานเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามมาตรฐานการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข  เพื่อกวาดล้างคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน และวิธีการรักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้อง ให้หมดไปทุกพื้นที่

          นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ควบคุมกำกับสถานพยาบาลภาครัฐในสังกัดที่มี10,695 แห่ง และภาคเอกชนทั่วประเทศ ทั้งประเภทคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนที่มีทั้งหมดเกือบ 18,000 แห่ง ให้มีมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพ ราคายุติธรรม  โดยเน้นหนัก 2 เรื่อง คือ การให้บริการตรวจสุขภาพ เพื่อการป้องกันโรคและบริการตรวจรักษาผู้ที่เจ็บป่วยแล้ว  สำหรับงานบริการตรวจสุขภาพ โดยทั่วไปจะมีการเจาะเลือดดูหมู่เลือด เอ็กซเรย์ดูความผิดปกติปอด จะไม่มีการรักษา  แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีบริษัทหรือสถานพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินการตรวจสุขภาพนักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษา พนักงานในสถานประกอบการ โดยที่ผู้ให้บริการไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว  กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดลักษณะของสถานพยาบาลที่สามารถให้บริการตรวจสุขภาพดังนี้

          1.ต้องเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตและต้องเป็นประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเท่านั้น บุคลากรให้บริการ ทั้งแพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ นักรังสีเทคนิค จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในด้านนั้นๆ  2.รถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และกระทรวงสาธารณสุข หากสถานพยาบาลไม่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาก็ไม่ควรว่าจ้าง 3.ให้ผู้บริหารโรงเรียน ทำหนังสือแจ้งผู้ปกครองนักเรียนว่าจะทำการตรวจสุขภาพด้านใดให้แก่นักเรียน และทำแบบฟอร์มให้ผู้ปกครองอนุญาต โดยให้แจ้งผลการตรวจให้ผู้ปกครองทราบ และ4.ให้ประชาชน ผู้ปกครองช่วยกันตรวจสอบถ้ามีการเอ็กซเรย์ ต้องมีฟิล์มหรือผลเอกซเรย์ให้ หากมีการเจาะเลือดก็จะต้องมีการแจ้งผลเลือดทุกครั้ง   ทั้งนี้ หากผลการตรวจผิดปกติ เช่น กรุ๊ปเลือด สายตา หรืออื่นๆ ไม่ตรงกับที่เคยตรวจมาแล้ว ให้สันนิษฐานก่อนว่า อาจได้รับบริการที่ไม่ถูกต้อง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่ข้อมูลแนวทางการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่สำหรับสถานศึกษา สถานประกอบการผ่านทางเว็บไซต์ www.moph.go.th ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารสถานศึกษาสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา

          นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องการรักษาผู้ป่วย สถานที่ที่มีปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นคลินิก มากกว่าโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่ตุลาคม 2555-กันยายน 2556 กระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องเรียนคลินิกเถื่อน 30 แห่ง ดำเนินการเสร็จแล้ว 15 แห่ง ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ ในการสร้างความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการในคลินิกทุกประเภท ทั้งรักษาทั่วไปและคลินิกความงาม กระทรวงสาธารณสุขจะตั้งทีมเฉพาะกิจ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และแพทยสภา เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ควบคุมมาตรฐาน ของคลินิกและผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นการบูรณาการใช้กฎหมายดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในคราวเดียวกัน ประชาชนเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว     โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษ 4 กระทง ดังนี้      

               1.กรณีคลินิกเถื่อน เป็นการกระทำฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 16 คือ ประกอบกิจการสถานพยาบาล ต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 24 การดำเนินการสถานพยาบาลต้องได้รับอนุญาต  ต้องระวางโทษตามมาตรา 57 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   2.กรณีหมอเถื่อน ฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ในมาตรา 26 ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ต้องระวางโทษตามมาตรา 43 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   3.กรณีการปลอมแปลงเอกสาร ใบปริญญา และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการตามมาตรา 264 ปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือฝ่าฝืนมาตรา 265 หรือมาตรา 266 ต้องรับโทษหนักขึ้น  และ4.กรณีผู้ใช้เอกสารปลอม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 หรือ 268

            ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดสายด่วนร้องเรียนคลินิกเถื่อน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7999 และที่เว็บไซต์ www.hss.moph.go.th หรือแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องที่ และมอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนี้  

  ******************************* 13 พฤศจิกายน 2556



   
   


View 9    14/11/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ