กระทรวงสาธารณสุข เผยครัวเรือนไทยร้อยละ 98 มีส้วมถูกหลักสุขาภิบาลใช้ พร้อมระบุผลสำรวจ ส้วมสาธารณะล่าสุดในปี 2555 พบ 6 จุดมีการปนเปื้อนอุจจาระสูง ต้องเพิ่มการดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ ได้แก่ ที่จับสายฉีดน้ำชำระตรวจพบร้อยละ 85 รองลงมาคือพื้นห้องส้วมร้อยละ 50 ที่รองนั่งส้วมร้อยละ31  ที่กดน้ำของโถส้วมร้อยละ 8 ก๊อกน้ำร้อยละ 7 และกลอนประตูร้อยละ 3แนะหลังจากใช้ห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้งต้องล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง เพื่อขจัดอุจจาระหรือเชื้อโรคต่างๆที่อาจติดมากับมือ  ป้องกันเชื้อติดต่อไปยังคนอื่น 

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 19พฤศจิกายน ทุกปี   องค์การส้วมโลก กำหนดให้เป็น“วันส้วมโลก” (world toilet day)เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วมมากขึ้นเนื่องจากเป็นสถานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคนเรา ในการขับถ่ายของเสียที่ออกจากร่างกาย  
 ในส่วนของประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งมีครัวเรือน 20 ล้านกว่าครัวเรือน มีสมาชิกเฉลี่ยครัวเรือนละ 3.2 คน     ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 98 มีส้วมถูกหลังสุขาภิบาลใช้ โดยภายในพ.ศ. 2559 กระทรวงสาธารณสุขมีแผนรณรงค์ให้ประชาชนไทยใช้ส้วมชนิดนั่งราบให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม จากการนั่งงอเข่าเป็นเวลานาน โดยตั้งเป้าจะให้ครอบคลุมส้วมสาธารณะให้ได้ร้อยละ 90 ส่วนในบ้านเรือนทั่วไป  ซึ่งส่วนใหญ่ขณะนี้ประมาณ ร้อยละ 80 จะใช้ส้วมชนิดนั่งยอง จะสนับสนุนให้ใช้อุปกรณ์เสริม เช่นใช้เก้าอี้เจาะรูตรงกลาง ให้นั่งสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือที่ผู้เจ็บป่วยมีโรคประจำตัวและหากมีความพร้อมทางเศรษฐกิจก็อาจเปลี่ยนเป็นส้วมชนิดนั่งราบได้  
นายสรวงศ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี กรมอนามัยได้สุ่มสำรวจห้องส้วมสาธารณะ  เช่นปั้มน้ำมัน วัด ล่าสุดในปี 2555 พบว่าต้องเพิ่มการดูแลความสะอาดส้วมให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีการปนเปื้อนอุจจาระถึง 6 จุด พบมากที่สุดคือที่จับสายฉีดน้ำชำระร้อยละ 85 รองลงมา คือบริเวณพื้นร้อยละ 50 ที่รองนั่งโถส้วม ร้อยละ31 ที่กดน้ำ ของโถส้วมและโถปัสสาวะ พบร้อยละ 8 ก๊อกน้ำล้างมือพบร้อยละ 7 และที่กลอนประตูพบร้อยละ 3 ดังนั้นจึงขอความร่วมมือเจ้าของหรือผู้ดูแลความสะอาดส้วมในสถานที่ดังกล่าวให้เพิ่มความถี่ในการดูแลความสะอาดโดยเฉพาะจุดที่พบการปนเปื้อนดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค
ทางด้านนายแพทย์ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้รณรงค์ปลูกฝัง ให้ประชาชนใช้ส้วมอย่างถูกต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็กโดยร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดหลักสูตรการสอนการใช้ส้วมให้เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ โดยปลูกฝัง  4 พฤติกรรมหลักได้แก่ 1.นั่งบนโถส้วม 2.ไม่ทิ้งวัสดุอื่นนอกจากกระดาษชำระลงในโถส้วม 3.ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม  เนื่องจากในอุจจาระหรือปัสสาวะของมนุษย์ มีเชื้อโรคเปื้อนจำนวนมาก เป็นแหล่งอาหารของแมลงวัน ซึ่งเป็นพาหะนำโรค และบ่งบอกสุขวิทยาส่วนบุคคลของผู้ใช้ส้วม และ 4.ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังการใช้ส้วมเพื่อกำจัดอุจจาระหรือเชื้อโรคที่อาจติดมากับมือหลังขับถ่ายและหวังผลให้นักเรียนนำไปถ่ายทอดสู่สมาชิกในครอบครัวต่อไป จะช่วยส่งผลให้ประเทศไทยสามารถควบคุมป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป              
    
 19 พฤศจิกายน 2556


   
   


View 9    19/11/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ