กระทรวงสาธารณสุข ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 350,000 คน ใน 27 พื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาว ออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่อยู่ที่บ้านและช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เพื่อดูแลสุขภาพให้ถี่ขึ้นกว่าช่วงปกติ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงอาจได้รับอันตรายจากอากาศหนาวเย็นให้อสม.ทุกหมู่บ้าน เป็นผู้นำ กระตุ้นประชาชนออกกำลังกายคลายหนาว 

                นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในสภาวะที่หลายจังหวัดอากาศหนาวเย็น ซึ่งขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวแล้ว 27 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยสุขภาพประชาชน ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม.ให้ออกเยี่ยมบ้านให้ถี่ขึ้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนอย่างใกล้ชิดเน้นหนักในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ช่วยเหลือตนเองได้น้อย หรือไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำอยู่แล้ว เพื่อดูแลในด้านต่างๆ ทั้งด้านอาหารการกิน เครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอ  การดูผิวหนัง การทำกายภาพบบัด   กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่สำคัญแผลกดทับ และโรคปอดบวม ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนให้ได้รับการดูแลถึงบ้าน 
          นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ในการป้องกันการเสียชีวิตจากภัยหนาว ขอให้ประชาชนดูแลความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ โดยเฉพะกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมทั้งคนเร่ร่อนทีไม่มีผู้อยู่อาศัย หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากไม่สามารถคลายหนาวได้ ผลที่ตามมาและเป็นอันตรายของเครื่องดื่มชนิดนี้จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว เกิดการสูญเสียความร้อนจากผิวหนังอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้อุณหภูมิร่างกายต่ำได้ง่าย   เสี่ยงเสียชีวิตได้   ซึ่งมักพบในผู้ที่มีประวัติดื่มสุราเป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น รับประทานอาหารอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอาหารที่เพิ่มพลังงาน เช่นแป้งและไขมัน ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน เนื่องจากคาเฟอีนมีผลทำให้ร่างกายขับปัสสาวะมาก ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น       
          ทางด้านน.ต.นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวว่า ได้สั่งการให้อสม.ในพื้นที่ 27 จังหวัดที่มีประมาณ 350,000 คน ออกเยี่ยมบ้านให้การดูแลสุขภาพประชาชนในเรื่องภัยหนาว และให้อสม.เป็นผู้นำ กระตุ้นให้ประชาชนในหมู่บ้านต่างๆออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งสำรวจปัญหาด้านสุขภาพ และด้านอื่นๆ เช่นด้านความต้องการหรือความขาดแคลนเครื่องให้ความอบอุ่นร่างกาย เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยอสม. 1 คน ดูแลบ้าน 10- 15 หลังคาเรือน พร้อมทั้ง แนะนำให้ความรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคภัยหนาว และการปฏิบัติตัว ของกลุ่มที่มีความเสี่ยงภาวะอุณหภูมิต่ำได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้มีโรคประจำตัวต้องจัดหาเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณ หน้าอก ลำคอ ศีรษะ และเท้าอยู่ในที่อาศัยที่เหมาะสม ปกป้องลมหนาวได้รักษาสุขภาพอนามัยของร่างกาย หมั่นล้างมือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ และครบหมู่ เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ             
**************************     25 ธันวาคม 2556


   
   


View 9    25/12/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ