กระทรวงสาธารณสุข เผยการทำงานในที่อับอากาศ เสี่ยงอันตรายสูง อัตราตายสูงร้อยละ 88   ชี้ในรอบ 10  ปี มีผู้ได้รับอันตรายจากทำงานในที่อับอากาศ 32 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 28 ราย ส่วนใหญ่เกิดจากการสูดก๊าซไข่เน่า และการขาดอากาศหายใจ ซึ่งหากก๊าซไข่เน่าเข้มข้นเกิน 100 พีพีเอ็ม. จะทำลายระบบหายใจ เซลล์ต่างๆ ไม่สามารถหายใจได้ ทำให้เสียชีวิตสูง ย้ำเตือนหากน้ำในบ่อมีสีดำเข้ม แต่ไม่มีกลิ่น ขอให้ใช้ไม้กวนน้ำในบ่อให้กลิ่นโชยขึ้นมาก่อน หากมีกลิ่นไข่เน่าโชยขึ้นมา อย่าลงไปเด็ดขาด

          จากเหตุการณ์ที่คนงานจำนวน 4 คน เสียชีวิตในบ่อน้ำ บริเวณห้องแถวที่ตำบลมาบยาพร อ.ปลวกแดง จังหวัดระยอง หลังลงไปทำความสะอาดและสูบน้ำเน่าขึ้นจากบ่อ เมื่อวานนี้ (7 เมษายน  2557) นั้น
 
           วันนี้ (8 เมษายน 2557) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานในที่อับอากาศ  เช่น ในอุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ไซโล ท่อ เตา มีอันตรายสูง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเนืองๆ และมักเสียชีวิตหมู่ เนื่องจากลงไปช่วยคนที่หมดสติที่ก้นบ่อ โดยขาดความรู้และขาดอุปกรณ์ป้องกันตัว ในรอบ 10 ตั้งแต่ปี 2546 - 2556 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงาน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งหมด 9 ครั้ง ผู้ประสบเหตุ 32 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 28 ราย คิดเป็นอัตราตายสูงถึงร้อยละ 88 โดยผู้ที่เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 50 เป็นผู้ที่ลงไปช่วยเหลือคนที่หมดสติก่อน ได้ให้สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค เร่งให้ความรู้และเผยแพร่มาตรการความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ แก่ประชาชนทั่วไปที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะในหน้าแล้งประชาชนในชนบท มักจะขุดบ่อให้ลึกขึ้น เพื่อหาน้ำใต้ดินและเตรียมเก็บน้ำในฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง  
 
             ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเสียชีวิตในที่อับอากาศที่พบในประเทศส่วนใหญ่มาจาก 2 สาเหตุ คือ 1.ขาดอากาศหายใจ พบประมาณร้อยละ 60 ซึ่งบริเวณบ่อ หลุมที่มีความลึกหรือท่อมักจะมีออกซิเจนน้อย หากต่ำกว่าร้อยละ 19.5 จะเป็นอันตรายถึงชีวิต และ2.จากการสูดก๊าซพิษเข้าไป ที่พบบ่อย 3 ชนิดคือก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulfide)หรือก๊าซไข่เน่า ก๊าซมีเทน และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซเหล่านี้มีน้ำหนักมากกว่าก๊าซอื่นจึงมักจะอยู่ที่ก้นบ่อ ที่อันตรายมากคือก๊าซไข่เน่า เกิดจากการย่อยสลายของสารอินทรีย์ ที่มีธาตุกำมะถันเป็นองค์ประกอบเช่น มูลสัตว์ ขยะ ของเสีย ซากสิ่งมีชีวิต รวมทั้งการเน่าเสียของน้ำเสีย ลักษณะเบื้องต้นที่พอจะสังเกตได้ว่าในที่นั้นมีก๊าซไข่เน่าอยู่ก็คือมีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า แหล่งที่พบบ่อยคือในบ่อบำบัดน้ำเสีย ท่อระบายน้ำ บ่อปุ๋ยหมักที่ทำจากมูลสัตว์ บ่อเกรอะ ก๊าซชนิดนี้หากมีความเข้มข้นสูงถึง 100 พีพีเอ็ม. เมื่อสูดเข้าไปจะทำให้หยุดหายใจ เสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งก๊าซจะเข้าไปจับและยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิดในร่างกาย ทำให้เซลล์ไม่สามารถหายใจได้ จะมีผลทำให้ปอดบวมน้ำได้ด้วย
 
          ดังนั้น ก่อนจะลงไปทำงานในที่อับอากาศจะต้องใช้เครื่องมือตรวจวัดปริมาณออกซิเจน สารเคมีอันตราย หรือก๊าซพิษก่อน และจัดเตรียมอุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะถังบรรจุออกซิเจนและหน้ากาก ที่สำคัญต้องมีผู้ช่วยเหลืออยู่ที่ปากบ่อหรือปากทางอย่างน้อย 1 คน และผู้ควบคุมการทำงาน 1 คน ทั้งหมดจะต้องผ่านการฝึกอบรม  ทั้งการกู้ภัยและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นอย่างดี แ ละควรผูกเชือกที่เอวของผู้ปฏิบัติงานไว้เพื่อให้ผู้ที่อยู่ปากบ่อรู้การเคลื่อนไหวตลอดเวลา หากเห็นว่ามีอาการหรือท่าทางผิดปกติ ต้องรีบนำตัวออกมาทันที กรณีที่เป็นประชาชน หากไม่มีเครื่องมือที่กล่าวมาให้ใช้วิธีการสังเกต หากเป็นบ่อน้ำให้ดูสีและกลิ่น น้ำมักจะมีสีดำเข้ม หากยังไม่ได้กลิ่นให้ใช้ไม้กวนน้ำเพื่อให้ก๊าซไข่เน่าฟุ้งกระจายออกมา หากได้กลิ่นเหม็นรุนแรงเหมือนไข่เน่า ห้ามลงไปเด็ดขาด และหากเป็นบ่อน้ำร้างมีเศษขยะ ซากพืช ซากสัตว์จนน้ำมีสีดำเข้มก็ไม่ควรลงไปเช่นกัน ประการสำคัญห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่อับอากาศ โดยเฉพาะบริเวณบ่อน้ำท่อน้ำที่เน่าเสียมากอาจทำให้เกิดการระเบิดได้ เนื่องจากอาจมีก๊าซมีเทน หรือก๊าซไวไฟอื่นๆ  
 
          สำหรับการช่วยเหลือผู้ได้รับอันตรายจากการทำงานในที่อับอากาศ ให้ใช้การดึงเชือกขึ้นมาแทนการลงไป หากลงไปช่วยจะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองอย่างดี เช่นสวมอุปกรณ์ป้องกันก๊าซพิษ หลังจากนั้นให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้นอนราบในที่อากาศถ่ายเทดี หากพบว่าไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น ให้ผายปอดและนวดหัวใจ และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด หรือโทรแจ้ง 1669
 
 *************************   8 เมษายน 2557
 


   
   


View 14    08/04/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ