กระทรวงสาธารณสุข เตรียมประสานแล็ปสำหรับตรวจโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาอีก 3 แห่ง ที่คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.สงขลาฯ และ ม.ขอนแก่น สามารถรู้ผลตรวจภายใน 5 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ พร้อมเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังใน 2  ชุมชน ที่จันทบุรีและบางรัก กทม.ให้เข้มข้นขึ้น เผยขณะนี้สถานการณ์โรคยังระบาดรุนแรงในกินี  ไลบีเรีย และเซียร์ร่าลีโอน ส่วนไนจีเรียและเซเนกัลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี

นายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวอร์รูมเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาว่า องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2557 มีทั้งหมด 7,470 ราย เสียชีวิต 3,431 ราย โดยพบผู้ป่วยใหม่ในรอบ 21 วัน เพิ่มขึ้นใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไลบีเรีย กินี และเซียร์ร่าลีโอน รวม 2,866 ราย เสียชีวิต 1,031 ราย มากที่สุดคือ ไลบีเรีย มีผู้ป่วย 1,427 ราย พื้นที่ระบาดประมาณร้อยละ 71 ของพื้นที่ใน 3 ประเทศดังกล่าว ส่วนสถานการณ์ในประเทศไนจีเรียและเซเนกัล ขณะนี้สามารถควบคุมโรคได้ ไม่มีผู้ป่วยในรอบ 21 วัน ส่วนที่ประเทศดีอาคองโก กระทรวงสาธารณสุขไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า จากการประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงของไทย มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ระบาดเดินทางเข้ามาเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา จึงต้องคง 5 มาตรการความพร้อมในการรับมืออยู่ตลอดเวลา ได้แก่ 1.การประเมินความเสี่ยงและการเฝ้าระวังสัญญาณอาการป่วยของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา 2.ระบบสอบสวนป้องกันโรค 3.ระบบการดูแลรักษาของโรงพยาบาล ซึ่งได้ให้โรงพยาบาลศูนย์ในภูมิภาค 15 แห่ง ที่มีด่านเข้าออกประเทศและในกทม.อีก 5 แห่ง จัดความพร้อมทั้งบุคลากร แพทย์ พยาบาล ห้องแยกโรค ห้องตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ ระบบป้องกันการติดเชื้อ อย่างสมบูรณ์แบบ 4.ระบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา กรณีพบผู้สงสัยซึ่งขณะนี้สามารถตรวจได้ 2 แห่ง คือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทราบผลตรวจภายใน 5 ชั่งโมง

นอกจากนี้ได้เตรียมประสานกับคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอีก 3 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา และมหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น ซึ่งมีความพร้อมของห้องตรวจชันสูตรอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถตรวจยืนยันเชื้อได้รวดเร็วขึ้น และย่นระยะเวลาเดินทางส่งไปตรวจที่กทม.ด้วย เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ โดยมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ประสานงาน และ5.การสื่อสารความเสี่ยง ได้จัดทำคู่มือและแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พร้อมสร้างความเข้าใจประชาชนเพื่อให้ความร่วมมือในการควบคุมป้องกันโรค ไม่เกิดความตื่นตระหนก

ทางด้านนายแพทย์โสภณ  เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจากประเทศที่มีการระบาดตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2557 ถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2557 มี 1,961 คน ส่วนใหญ่มาจากไนจีเรียและกินี ยังไม่พบรายใดมีไข้ ส่วนด้านงบประมาณในการเตรียมพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ขณะนี้ได้รับอนุมัติจากงบกลางในการป้องกันโรควงเงิน 99.5 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง การจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกัน เช่น ชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งวัสดุที่ใช้ในห้องตรวจปฏิบัติการ พัฒนาห้องตรวจโรคที่ด่านสุวรรณภูมิ และการจัดซ้อมแผนบูรณาการระหว่างกระทรวงกับหน่วยงานอื่น

นายแพทย์โสภณ  กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังดำเนินการช่วยเหลือประเทศที่มีการระบาดที่อาฟริกาตะวันตก ซึ่งมีปัญหาเตียงไม่พอกับผู้ป่วยและขาดบุคลากรจำนวนมาก ขณะนี้ยูเอ็น (UN) มีความต้องการบุคลากรจากนานาชาติประมาณ 656 คน เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาใน 5 ประเด็น คือ 1.หยุดการระบาด 2.รักษาพยาบาล 3.ดูแลระบบอุปโภคบริโภคสาธารณสุข 4.การรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคงประเทศ และ5.การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ประเทศอื่น โดยกระทรวงสาธารณสุขไทยจะประสานหน่วยงานที่มีหน่วยงานในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือในฐานะประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกต่อไป

************************* 6 ตุลาคม 2557

 



   
   


View 12    06/10/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ