กระทรวงสาธารณสุขไทย  ติดดามสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค กาฬโรค ในมาดากัสการ์อย่างใกล้ชิด  แม้ไทยมีความเสี่ยงต่ำ และไทยได้กำจัดโรคนี้หมดไปแล้ว ไม่พบผู้ป่วยเป็นเวลา 62 ปี กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่มีด่านท่าเรือระหว่างประเทศ ให้เข้มความสะอาด กำจัดหนูบนเรืออย่างเคร่งครัด แนะประชาชนรักษาความสะอาดบ้านเรือน กำจัดขยะให้ถูกวิธี ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของหนู 

จากกรณี  องค์การอนามัยโลก แจ้งข่าวการแพร่ระบาดของกาฬโรคในเมืองหลวงของประเทศมาดากัสการ์  ทวีปแอฟริกา ในช่วง 3 เดือนพบผู้ป่วย 119 ราย เสียชีวิต 40 ราย นั้น วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2557) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคกาฬโรค  เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน  มีหมัดหนูเป็นพาหะตัวการแพร่เชื้อ ประเทศไทยปลอดโรคนี้ ไม่พบผู้ป่วยติดต่อกัน 62 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2495 เป็นต้นมา และมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคมาอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยมีความเสี่ยงต่ำที่กาฬโรคจะหวนกลับมาระบาดอีกก็ตาม ได้ให้กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีด่านติดต่อทางเรือระหว่างประเทศ เฝ้าระวังจุดเสี่ยงสำคัญคือเรือที่มาจากแหล่งระบาด ซึ่งอาจมีหนูมากับเรือเดินทางระหว่างประเทศ ขอให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตรวจตรา เข้มงวดเรื่องสุขาภิบาล กำจัดหนูบนเรือและที่ด่านท่าเรือระหว่างประเทศตามมาตรฐานกฎอนามัยระหว่างประเทศ ส่วนประชาชนขอให้ดูแลความสะอาดบ้านเรือน กำจัดขยะในบ้านให้ถูกวิธี และป้องกันหนูไม่ให้ไปทำรังหรือไปหาอาหารในบ้านเรือน ซึ่งจะเป็นวิธีการป้องกันโรคที่ดีที่สุด  
 
ทางด้านนายแพทย์โสภณ  เมฆธน  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคกาฬโรค (Plague) มีหมัดหนู เป็นตัวแพร่เชื้อ หมัดหนูมักอาศัยอยู่ในสัตว์ฟันแทะป่า เช่นกระรอกดิน กระต่ายป่า  และหนู  หลังจากคนถูกหมัดที่มีเชื้อกัดประมาณ 1-7 วัน จะมีอาการป่วย คือ มีไข้หนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน ไม่มีเรี่ยวแรง เจ็บคอ ปวดหัว ต่อมาจะมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่บริเวณถูกหมัดกัด ที่พบบ่อยที่สุดคือขาหนีบ เชื้ออาจจะแพร่กระจายไปอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย รวมถึงเยื่อหุ้มสมอง ปอดบวม ทำให้เกิดอาการช็อก เลือดไม่แข็งตัว และเสียชีวิตได้ ในอดีตกาฬโรคเป็นโรคร้ายแรง ทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันโรคนี้ มียาปฏิชีวนะรักษาหายขาด หากตรวจพบวินิจฉัยได้เร็ว ขณะนี้พบโรคนี้บางพื้นที่ เช่นประเทศในแอฟริกาได้แก่ แองโกลา เคนยาบอตสวานา มาดากัสการ์ นามิเบีย แอฟริกาใต้ มาลาวี โมซัมบิก แทนซาเนีย ยูกันดา ซิมบับเว ซาอีร์ และลิเบีย ส่วนในเอเชียพบในประเทศจีน อินโดนีเซีย มองโกเลีย พม่า อินเดีย และเวียดนาม   

ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้กาฬโรคเป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2523 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สามารถปฏิบัติงานเพื่อการควบคุมป้องกันโรค เช่นตรวจตรายานพาหนะ ผู้เดินทาง สิ่งของหรือสัตว์ที่มากับพาหนะ รวมทั้งควบคุม การกำจัดสิ่งอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในพาหนะ เช่น การควบคุมหนูบนเรือ ท่าเรือ และในโรงเก็บสินค้าด้วยสิ่งก่อสร้างที่กันหนูได้ และมีมาตรการการตรวจคัดกรอง กักกัน และรักษาคนหรือสัตว์สงสัยว่าป่วยเป็นโรคติดต่ออันตราย เป็นต้น

นายแพทย์โสภณกล่าวอีกว่า ในการป้องกันกาฬโรค ขอให้ประชาชนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์หนู ไม่เลี้ยงหรือไม่สัมผัสสัตว์ป่าหรือซากสัตว์กัดแทะต่างๆ ประชาชนที่เดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในป่า หากมีไข้หนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน ให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคติดต่อทั่วไป 02-5906183 หรือ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร 1422   

พฤศจิกายน5/2 ************************* 26 พฤศจิกายน 2557
 



   
   


View 11    26/11/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ