ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการจัดบริการประชาชนที่โรงพยาบาลชุมชนชายแดนไทย-ลาวที่จังหวัดอุตรดิตถ์ พบปัญหาวิกฤตทางระบบการเงินการคลัง จากประชากรน้อย กำชับให้จัดบริการที่มีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช้เงินนำการทำงาน ชี้ขณะนี้มีโรงพยาบาลเกิดวิกฤตทางระบบการเงินการคลังทั่วประเทศ 105 แห่งอยู่ระหว่างเจรจาปรับปรุงการบริหารระบบการเงินกับ สปสช. เพื่อให้โรงพยาบาลดำเนินงานได้ 

    นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบ้านโคก  โรงพยาบาลฟากท่าและโรงพยาบาลน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กตามแนวชายแดนไทย-ลาว ในภาคเหนือด้านตะวันออกเพื่อให้กำลังใจการทำงานและติดตามปัญหาอุปสรรคในการจัดบริการให้ประชาชน เนื่องจากทั้ง 3 แห่งประสบปัญหาวิกฤตทางระบบการเงินการคลัง จากจำนวนประชากรในความรับผิดชอบน้อย ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดบริการที่ดีที่สุดสำหรับให้ประชาชน บริหารอย่างมีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช้ระบบเงินนำการทำงาน ให้ใช้เพื่อสนับสนุนการทำงาน 
                นายแพทย์ณรงค์กล่าว ต้องยอมรับว่า การบริหารระบบการเงินการคลังขณะนี้ กระทบทำให้โรงพยาบาลบางแห่ง เกิดวิกฤตสถานะการเงินติดลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ประชากรในพื้นที่รับผิดชอบน้อย  ในพื้นที่พิเศษ  พื้นที่ชายแดน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขอปรับปรุงการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้โรงพยาบาลทุกแห่งสามารถจัดบริการได้  อย่างน้อยเบื้องต้น ควรมีเงินเพียงพอที่จะทำงานได้เลย ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเงินไม่พอจัดบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด
                ด้านนายแพทย์บัญชา  ค้าของ ผู้อำนวยการกลุ่มประกันสุขภาพ กล่าวว่า สาเหตุโรงพยาบาลทั้ง 3 โรงพยาบาลเกิดวิกฤตการเงินรุนแรงเรื้อรังซ้ำซาก สามารถเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาจำนวน 105 โรงพยาบาลในขณะนี้  กล่าวคือ ปัญหาประชากรน้อย โดยในโรงพยาบาลบ้านโคกและโรงพยาบาลฟากท่า ซึ่งมีประชากรน้อยกว่า 2 หมื่นคน รายได้จากกองทุนที่จัดให้ในโรงพยาบาลชุมชนซึ่งให้บริการผู้ป่วยนอกเป็นหลักนั้น จัดสรรให้ตามหัวประชากรเมื่อหักต้นทุนประสิทธิภาพพบว่าไม่เพียงพอเป็นชั้นแรก  โรงพยาบาลได้ปรับประสิทธิภาพไปมุ่งเน้นบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคมากขึ้น จนผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่เหมือนถูกลงโทษเพราะทำให้ได้รับงบบริการตามผลงานผู้ป่วยนอกผู้ป่วยในน้อยลงอีกชั้นหนึ่ง  ในขณะที่โรงพยาบาลน้ำปาดเป็นโรงพยาบาลที่พัฒนาบริการอย่างมีประสิทธิภาพทุกดัชนี มีผลงานบริการสูงมากทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก แต่งบหลักประกันสุขภาพกลับไม่เพียงพอ เข้าลักษณะให้บริการมากยิ่งขาดทุน  ทั้งนี้ พบว่าโรงพยาบาลทั้ง 3 โรงพยาบาลมีมาตรการรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเกินกำลังแล้ว 
                 นายแพทย์บัญชา กล่าวต่อว่า แนวทางแก้ไขที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอการบริหารงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นมาถูกทางมา  เพราะสอดคล้องกับปัญหาโรงพยาบาลที่มีวิกฤตในขณะนี้   โดยไม่ใช่การของบประมาณเพิ่ม แต่ต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่าด้วยบริการที่ดีขึ้น โดยปรับการบริหารจัดการที่แทนจะแยกเป็นโรงพยาบาลเดี่ยวๆ ให้ร่วมกันจัดแผนบริการประชาชนเบ็ดเสร็จเป็นเครือข่ายระดับเขต  ซึ่งจะทำให้สามารถลดการต้นทุนจากการจัดบริการที่ซ้ำซ้อน ลดการแข่งแย่งเงินกันเองตามเกณฑ์ผลงานที่ สปสช.กำหนดโดยไม่ได้คำนึงถึงต้นทุน  ต้องปฏิรูปจากกลไกการเงินนำบริการ  ให้เป็นกลไกการเงินสนับสนุนบริการ ที่สอดคล้องกับบริบทของโรงพยาบาลในประเทศไทย ดังตัวอย่าง 3 โรงพยาบาลในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ลงศึกษาในครั้งนี้
               นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง แม้จะมีปัญหาวิกฤตการเงิน จากประชากรน้อย เช่น โรงพยาบาลบ้านโคก มีประชากรในความรับผิดชอบ 14,000 กว่าคน แต่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยจัดบริการเชิงรุกไปในพื้นที่ เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ร้อยละ 90 เป็นภูเขา การเดินทางมาโรงพยาบาลยากลำบาก และบริการที่ให้แก่ประชาชน จะทำให้ปริมาณคนป่วยที่มารับบริการในโรงพยาบาลลดลง ไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ(สปสช.)ได้ แต่ก็มุ่งมั่นที่จะให้บริการเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งแก้ไข

 ****************************   20 ธันวาคม 2557


   
   


View 16    20/12/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ