รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับโรงพยาบาลในแถบปริมณฑล 4 ภาค พร้อมรับมืออุบัติเหตุจราจรช่วงขากลับเข้ากทม. เต็มที่ ย้ำเตือนระวังหลับใน แนะก่อนเดินทางผู้ขับรถควรนอนพักให้เต็มที่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากง่วง ต้องจอดพัก อย่าฝืนขับขี่ ชี้ง่วงแล้วขับมีอันตรายเท่ากับเมาแล้วขับ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันทยอยเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3-4 มกราคม 2558 หลังหยุดยาวฉลองเทศกาลปีใหม่ กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในแถบปริมณฑลทั้ง 4 ภาค จัดเตรียมกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมรับอุบัติเหตุช่วงขากลับอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดความสูญเสียให้มีน้อยที่สุด และให้ประชาชนเดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงขากลับ ที่ต้องระมัดระวังคือคนขับหลับใน เนื่องจากอาจอดนอนติดต่อกันหลายวัน ผลของการง่วงจะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ ตัดสินใจผิดพลาด ใจลอย ไม่มีสมาธิ การสั่งการของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน จึงแตะเบรกได้ช้ากว่าปกติ มีผลวิจัยจากต่างประเทศระบุว่าคนที่ง่วงแล้วขับไม่ต่างกับคนเมาแล้วขับ เพราะพบว่าคนที่อดนอนติดต่อกัน 18 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงเท่ากับคนที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ไม่ดื่ม 2 เท่าตัว และถ้านาน 24ชั่วโมงจะเท่ากับมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ความสามารถขับรถลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มเป็น 6 เท่าตัว
“สัญญาณเตือนของอาการง่วงขณะขับรถ มี 8 ประการ ดังนี้ 1.หาวบ่อยและหาวต่อเนื่อง 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิดกระวนกระวาย 4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อ 2-3กิโลเมตรที่ผ่านมา 5.รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6.รู้สึกมึน หนักศีรษะ 7.ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง 8.มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร ดังนั้นก่อนเดินทางต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุกๆ 150 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ทำให้ง่วงซึม เมื่อรู้สึกง่วง ล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับ หรือแวะจอดรถในที่ปลอดภัยและงีบหลับประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยได้” ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะกล่าว
************************************* 4 มกราคม 2558
View 11
04/01/2558
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ