รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเผยปี 2557 ไทยรับภาระบริการสุขภาพต่างด้าวที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้ประมาณ 360 ล้านบาทเล็งตั้งสุขศาลานำร่องใน 8 จังหวัดชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานลดปัญหาและภาระข้ามแดนมาฝั่งไทยในระยะยาวโดยไทยเป็นพี่เลี้ยงและสนับสนุนวิชาการ
 
วันนี้(25 มีนาคม 2558)ที่ โรงแรมมารวยการ์เด้นกทม.ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะรัชตะนาวินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานเปิดประชุมผู้บริหารทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นักวิชาการที่ดูแลงานสาธารณสุขแนวชายแดน จำนวน55คน เพื่อพัฒนาระบบการจัดการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 4ประเทศ คือเมียนมาร์พม่าลาวกัมพูชาและมาเลเซียในพื้นที่ 31 จังหวัดและขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยจำนวน 851,830 คน เป็นเมียนมาร์ 543,535 คนกัมพูชา 214,874 คนลาว 93,421 คน ปัญหาสาธารณสุขชายแดนที่พบบ่อยได้แก่โรคติดต่อเช่นเอชไอวีเอดส์วัณโรคมาลาเรียปัญหาอนามัยแม่และเด็กเช่นเด็กขาดสารอาหารน้ำหนักตัวน้อย 
 
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะกล่าวว่าปัญหาสาธารณสุขแนวชายแดนเป็นปัญหาของทั้งภูมิภาคไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่งจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ  ยุทธศาสตร์หนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ก็คือการพัฒนาศักยภาพการจัดการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานในฝั่งของชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เป็นที่พึ่งประชาชน เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่มักอยู่ห่างไกลความเจริญ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบการข้ามมาใช้บริการสาธารณสุขในประเทศไทยซึ่งที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ได้สร้างภาระหนักให้แก่สถานพยาบาลที่อยู่ตามแนวชายแดนของไทย ไม่อาจปฏิเสธผู้มาใช้บริการด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมได้ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้จำนวนมหาศาลจากบุคคลเหล่านี้ส่งผลให้สถานพยาบาลบางแห่งประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินการคลังมาอย่างยาวนานจึงต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน ข้อมูลในปี2557 มีมูลค่าสูงถึง 360 ล้านบาท  
 
สำหรับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะพัฒนาในรูปแบบของการตั้งสุขศาลา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในฝั่งของประเทศเพื่อนบ้านในช่วงแรกนี้จะเริ่มที่ 3 ประเทศก่อนคือเมียนมาร์ลาวและกัมพูชาเนื่องจากบริการสาธารณสุขยังไม่ทั่วถึงต้องได้รับการพัฒนาอีกมากได้คัดเลือกพื้นที่นำร่องเพื่อสร้างสุขศาลาใน 8 จังหวัดได้แก่ตากแม่ฮ่องสอนเชียงรายกาญจนบุรีอุบลราชธานีน่านสระแก้วและตราดโดยใช้งบประมาณพัฒนาจากกระทรวงการต่างประเทศองค์กรระหว่างประเทศแห่งละประมาณ 500,000 บาทโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดซึ่งมีความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับท้องถิ่นอยู่แล้วเป็นพี่เลี้ยงอบรมด้านวิชาการให้   
 
ทั้งนี้รูปแบบดังกล่าวได้ได้ทดลองนำร่องดำเนินการในชายแดนจังหวัดเมียวดีซึ่งอยู่ติดกับอำเภออุ้งผางจังหวัดตากโดยโรงพยาบาลอุ้มผางได้ใช้เงินงบประมาณสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก่อสร้างสุขศาลาในฝั่งของเมียนมาร์ให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานเช่นรักษาพยาบาลการเจ็บป่วยทั่วๆไปฉีดยาทำแผลฉีดวัคซีนเป็นต้นโดยพัฒนาความรู้อาสาสมัครและค่าตอบแทนคนในพื้นถิ่นในประเทศเมียนมาร์พบว่าให้ผลดีเป็นที่พึ่งประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านได้ในระดับหนึ่งซึ่งในระยะยาวมุ่งเน้นให้ประเทศเพื่อนบ้านมีส่วนร่วมในการจัดบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานให้กับประชากรร่วมกันมั่นใจว่าจะลดภาระเข้ามาใช้บริการสุขภาพในฝั่งไทย
 
************************************** 25 มีนาคม 2558


   
   


View 15    25/03/2558   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ